ข่าวดี! บจ.กำไรสูงเกินคาด ธปท.ไฟเขียวแบงก์ปันผลปี 63

HoonSmart.com>>นักวิเคราะห์กำลังปรับเป้ากำไร-ราคาหุ้นหลายตัว หลังเห็นผลงานไตรมาส 3 สูงเกินคาด บล.บัวหลวงเชียร์ JMART-JMT-BDMS-TFG-PLANB-EGCO บล.โนมูระ พัฒนสินแนะขยายพอร์ตหุ้นจาก 10% เป็น 35% เห็นบจ.ดีไม่น้อยกว่า 25 บริษัท เพิ่มราคา KCE-JMART-JMT-ICHI-SVI -BH-HTC บล.เครดิตสวิสแนะซื้อ 2 รพ.ใหญ่ BH-BDMS แบงก์เฮ! ธปท. อนุญาตให้จ่ายเงินปันผลจากผลงานปี 2563 คาด KKP แจก 7.5%  TISCO 7.4% SCB 6.3% บล.เคจีไอคาด GDP ไตรมาส 3 จะติดลบน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

ตลาดหุ้นวันที่ 12 พ.ย. ไปต่อไม่ไหวตามต่างประเทศ  ดัชนีปิดที่ระดับ 1,336.31 จุด ลดลง 9.03 จุดหรือ -0.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น  97,248.89 ล้านบาท สถาบันไทยทิ้งเจ้าเดียว 4,577 ล้านบาท ส่วนต่างชาติซื้อต่อเป็นวันที่ 4 จำนวน 2,236 ล้านบาท พุ่งเป้าหุ้น SCGP กระชากราคาขึ้นแรงเกือบ 8% ปิดที่ 37.25 บาท สตาร์ทเครื่องติดหลังต่ำจองที่ 35 บาทมานาน แนวโน้มกำไรดี และต่างชาติถือหุ้นน้อยมาก เพียง 3% ของทุนเรียกชำระแล้ว

บล.บัวหลวง คาดตลาดได้ปัจจัยหนุนจากบจ.รายงานงบไตรมาส 3/63 ที่ดีกว่าคาด เช่นกลุ่ม โรงพยาบาล (BDMS) ค้าปลีก-เครื่องดื่ม (OSP) บริการทางการเงิน (JMART) และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น  อาทิ ปิโตรเคมี โรงกลั่น เกษตรอาหาร

“จากปัจจัยหลักที่รอความชัดเจนเริ่มเคลียร์ไปทีละเปราะและหนุนตลาดรอบนี้ ทั้งผลเลือกตั้งสหรัฐฯ ความคืบหน้าวัคซีนโควิด19 ตอนนี้เหลือแค่งบไตรมาส 3 ถึงวันนี้กลยุทธ์ยังไม่เห็นการปรับลดคาดการณ์กำไรลงอย่างมีนัยยะ ดังนั้นตลาดอาจจะย่อลงบ้างหลังแรลรี่รับข่าวบวกต่างๆ แต่มองการแรลรี่รอบนี้ยังไม่จบ แนะนำหุ้นที่มีกำไรดีกว่าคาด BDMS, JMART,TFG “บล.บัวหลวงระบุ

บล.โนมูระ พัฒนสิน (ประเทศไทย) แนะนำนักลงทุนสามารถเพิ่มน้ำหนักหุ้นจาก 10% เป็น 35% เพื่อลงทุนระยะยาวได้ หลังจากต่างชาติพลิกกลับมาซื้อกลับบางส่วน สะท้อนความเสี่ยงเชิงมูลค่า จึงปรับมุมมองตลาดเป็น “กลาง” จากเดิม “ลบ”

นอกจากนี้ยังพบหุ้นหลายตัวที่รายงานกำไรดีกว่าตลาดคาด อาทิ BDMS, EGCO, HTC, JMT, JMART, SVI, PTG MC, ICHI, OSP, SAPPE

ขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นหลายตัว เช่น KCE ปรับขึ้นจาก 32 บาท เป็น 42 บาท ICHI จาก 11.10 บาท เป็น 13.7บาท JMART จาก 15.7 บาท เป็น 20.9 บาท JMT จาก 30.75 บาท เป็น 40.25 บาท SVI จาก 3.0 บาท เป็น 5.30 บาท BH จาก 109 บาทเป็น 117บาท HTC มีแนวโน้มปรับมูลค่าพื้นฐานขึ้นจากเดิม 34.5บาท เนื่องจากมีมุมมองเชิงบวกมาก

ด้านบล.เครดิตสวิส แนะนำให้ซื้อหุ้น BDMS และ BH หลังจากแจ้งกำไรออกมาดีเกินคาด

ส่วนหุ้นธนาคารพาณิชย์ ราคายังมีโอกาสปรับขึ้น หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) โดยนายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ธปท.ได้อนุญาตให้สถาบันการเงินสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของปี 2563 ได้ ไม่เกินอัตราการจ่ายในปี 2562 และต้องไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิของปี 2563 สอดคล้องกับแนวทางของผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ผู้ฝากเงิน และลูกหนี้ของสถาบันการเงินในระยะยาว ส่วนการจ่ายปันผลในปี 2564-2565 นั้น จะต้องให้ ธปท. พิจารณาและวางหลักเกณฑ์อีกครั้ง

ธปท.ได้กำหนดแนวทางการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 โดยพิจารณาจากแผนบริหารจัดการเงินกองทุนและผลประเมิน stress test  ในช่วงปี 2563-2565 พบว่าสถาบันการเงินยังคงมีเงินกองทุนและเงินสำรองเพียงพอรองรับสถานการณ์เลวร้ายจากการระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบกับสถาบันการเงิน ได้เพิ่มความระมัดระวังด้วยการทยอยตั้งสำรองและสะสมเงินกองทุนเพิ่มเติมมาโดยตลอด ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีอัตราการกันเงินสำรองถึง 1.5 เท่าของสินเชื่อด้อยคุณภาพ และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ 19.8% ณ ไตรมาส 3 ปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 19.2% ในไตรมาส 2 ปี 2563 ขณะที่อัตราเงินสำรองที่มีอยู่ ต่อ NPL (NPL coverage ratio) ที่ 149.7% จากไตรมาส 1 ปี 2563 ที่ 143% อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจจะไหลออกในภาวะวิกฤต (LCR) 184.9% จากเป้า 100% และอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (L/D ratio) 93%

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดแบงก์ที่ให้อัตราผลตอบแทนปันผลเด่น ได้แก่ KKP 7.5%, TISCO 7.4% และ SCB 6.3%

บล.เคจีไอเปิดเผยว่าตลาดติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2563 ซึ่งจะประกาศในวันที่ 16 พ.ย. นี้ เบื้องต้นนักเศรษฐศาสตร์ KGI ประเมิน GDP จะติดลบน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะยืนยันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย