HoonSmart.com>> “ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป” โชว์กำไรไตรมาส 3/63 จำนวน 1,063 ล้านบาท โตแรง 80% จากงวดปีก่อน กวาดรายได้ 8,544 ล้านบาท เพิ่ม 13% รายได้ธุรกิจสกุร อาหารสัตว์เพิ่มขึ้น หนุน 9 เดือนกำไรนิวไฮ บอร์ดเคาะโครงการ EJIP ระยะเวลา 10 ปี
บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2563 กำไรสุทธิ 1,062.63 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.19 บาท เติบโต 80.27% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 589.46 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.10 บาท
งวด 9 เดือน ปี 2563 กำไรสุทธิ 2,134.96 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.38 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,312.13 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.24 บาท
สาเหตุที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2563 เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้รวม 8,544.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากรายไดข้องธุรกิจสุกรและอาหารสัตว์ โดยรายได้จากธุรกิจสุกรจำนวน 2,726.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.96% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ราคาขายสกุรเฉลี่ย 83.48 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 24.99% จากงวเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 66.79 บาทต่อกิโลกรัม
สำหรับรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์ขายภายนอกและอื่นๆ จำนวน 1,500.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.67% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายอาหารสัตว์นอกเครือเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 109,979.26 ตัน เพิ่ม 23.33% จากงวดปีก่อนและบริษัทมีรายได้เพิ่มจากบริษัทย่อยใหม่ที่จำหน่ายเครื่องปรุงรสและเครื่องดื่มจำนวน 72.37ล้านบาท
นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากราคาสุกรอยู่ในระดับสูง และปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตรองรับไว้แล้ว นอกจากนี้บริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับที่ดี
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2563 ประเมินว่ายังอยู่ในทิศทางที่ดี เนื่องจากการที่ปริมาณสุกรในจีน และเวียดนามลดลง จากโรคระบาดอหิวาต์สุกร( ASF) ทำให้ราคาขายสุกรยืนได้ในระดับสูง รวมทั้งมีการหันมาบริโภคไก่มากขึ้น ประเมินว่าสถานการณ์แบบนี้น่าจะยังคงมีให้เห็นไปอีก 1-2 ปี ดังนั้นก็น่าจะทำให้ปริมาณการส่งออกเนื้อสัตว์เติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดยุโรปและจีน ยังมีทิศทางทีดีเช่นกัน
นอกจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 11 พ.ย.2563 อนุมัติโครงการร่วมลงทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ครั้งที่ 1 (EJIP) โครงการลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทสะสมเป็นรายงวด เพื่อเป็นรูปปแบหนึ่งของการให้ผลตอบแทนกับพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย โดยอายุโครงการ 10 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564-31 ธ.ค.2573 ระยะเวลาสมทบเงินเข้าโครงการตั้งแต่เดือนธ.ค.2563-พ.ย.2573
สำหรับเงินลงทุนของลูกจ้างอัตรา 5% ของเงินเดือนในแต่ละเดือนขึ้นอยู่กับตำแหน่งของผู้เข้าร่วมโครงการ ส่วนเงินสมทบของนายจ้างอัตรา 100-200% ของเงินที่หักจากผู้เข้าร่วมโครงการทุกเดือน โดยมีบริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็กนำเงินไปซื้อหุ้น TFG ตามเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งในปีแรกผู้ร่วมโครงการไม่สามารถขายหุ้นได้