HoonSmart.com>>”บี.กริม เพาเวอร์”แข็งแกร่ง สร้างกำไรจากการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1,245 ล้านบาทในไตรมาส 3/2563 เติบโต 13% จากไตรมาสก่อน เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 745 ล้านบาท กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มต่อเนื่อง ลูกค้าอุตสาหกรรมฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติ บริษัทเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าผลักดัน EBITDA Margin สูงสุดที่ 30.4% สถานะการเงินแข็งแกร่ง เงินสดในมือกว่า 2 หมื่นล้านบาท มั่นใจโครงการ SPP ทั้ง 7 ทยอย COD ปี 65-66 ตามแผน ตอกย้ำความสำเร็จการเป็นผู้นำด้านพลังงาน ด้วยรางวัลการันตีมากมาย
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ( BGRIM) ผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนชั้นนำของไทย เปิดเผย ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2563 มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,245 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นส่วนของบริษัทใหญ่ที่ 745 ล้านบาท มาจากการเติบโตของกำลังการผลิตไฟฟ้าจากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 28% จากไตรมาสก่อนหน้า การปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ EBITDA Margin ขึ้นสูงสุดที่ 30.4%
อย่างไรก็ตาม BGRIM มีการกู้เงินสกุลต่างประเทศเพื่อป้องกันความเสี่ยงในส่วนของรายได้สกุลต่างประเทศ (natural hedge) ทำให้เกิดรายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยน 310 ล้านบาท เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีที่ไม่กระทบกระแสเงินสด และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 859 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของบริษัทใหญ่ที่ 501 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 763 ล้านบาท และรวม 9 เดือนปีนี้มีกำไร 1,599 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,922 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4 คาดปริมาณการขายไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อเดือนพ.ค. และฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่องมาโดยตลอด และกลับสู่ภาวะปกติในเดือนก.ย.-ต.ค.ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์และโรงงานผลิตยางรถยนต์ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของความต้องการภายในประเทศ รวมถึงจากการย้ายคำสั่งผลิตจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันกลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ และอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงเติบโตตลอดช่วง 9 เดือนในปี 2563 ด้วยปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16% และ 12% ตามลำดับ นอกจากนี้แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติยังเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม โดยปตท.ประมาณการว่าไตรมาส 4 ราคาจะลดลงอีกราว 6-7% จากไตรมาส 3
สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ray Power ในประเทศกัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 39 เมกะวัตต์(MW) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมบ่อทอง วินด์ฟาร์ม 1&2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 16 MW มีความคืบหน้าตามแผน มีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 4/2563 ถึงไตรมาส 1/2564 นอกจากนี้ยังเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 980 MW มีกำหนดการ COD ในปี 2565-2566 ตามแผนที่วางไว้ มั่นใจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตั้งเป้าการมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาการซื้อไฟฟ้าที่ 7.2 กิกะวัตต์ ภายในปี 2568
นอกจากนี้ สถานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งด้วยเงินสดในมือกว่า 2 หมื่นล้านบาท มีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 47 โครงการ มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับต่ำ 1.3 เท่า และได้รับการสนับสนุนจากหลายสถาบันการเงิน ซึ่งเพียงพอในการพัฒนาโครงการที่อยู่ในแผนทั้งหมด
บริษัทได้รับรางวัลมากมาย การันตีถึงความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้านพลังงาน อาทิ รางวัลจาก “Asian Power Awards 2020” ประกอบด้วยรางวัล Power Utility of the Year – Thailand, Power Plant Upgrade of the Year – Thailand และ Hydro Power Project of the Year- Bronze ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้ประกอบการธุรกิจไฟฟ้าและโครงการโรงไฟฟ้าทั่วภูมิภาคเอเชีย ที่มีผลงานโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และจาก “The10th Asian Excellence Awards 2020” ประกอบด้วยรางวัล Asia’s Best CEO, Asia’s Best CFO, Asia’s Best CSR, Best Investor Relations Company และ Best Investor Relations สะท้อนถึงผลงาน และการทำงานที่มุ่งมั่น ภายใต้วิสัยทัศน์ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่จะสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี “Empowering the World Compassionately” ตามแนวทางของ บี.กริม กว่า 142 ปี ในการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี