CKP พลิกมีกำไร 831 ลบ. Q3/63 คาดดีข้ามปี

HoonSmart.com>>”ซีเค พาวเวอร์” โชว์กำไร ไตรมาส 3/63 สุดหรู พุ่งขึ้น 2,396% จากปีก่อน โรงไฟฟ้าทุกแห่งดีเข้าเป้า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงเพียงพอผลิตถึงปีหน้า  บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 4,000 ล้านบาท ขยายการลงทุน ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A ” สะท้อนผลงานเด่น พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดใหญ่ กระแสเงินสดรับต่อเนื่องจากการขายไฟให้กฟผ.

ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ (CKP ) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2563 พลิกมีกำไรตามคาด 831.3 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2 ที่ขาดทุน 84.86 ล้านบาท และพุ่งขึ้น798 ล้านบาท คิดเป็น 2,396% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.3 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 2,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.5 ล้านบาท คิดเป็น 6.5%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,001.5 ล้านบาท และดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/2563 ที่มีรายได้ลดลงจากปริมาณน้ำที่ใช้ผลิตไฟฟ้าเพราะเป็นช่วงฤดูแล้ง

สาเหตุที่ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นมาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 มีปริมาณการขายไฟฟ้า 405.2 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 105.9 ล้านหน่วย หรือ 35.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณน้ำที่ไหลเข้า เพิ่มจาก 2,220 ล้านลบ.ม. เป็น 2,386 ล้านลบ.ม. ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.5%

นอกจากนี้ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ที่มีการดำเนินงานเต็มไตรมาส ทำให้มีปริมาณการขายไฟฟ้ารวม 2,314 ล้านหน่วย คิดเป็นรายได้ 4,483 ล้านบาท โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าเฉลี่ย 4,200 ล้านลบ.ม. ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 2,994 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปีก่อนประมาณ 40% ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ที่ 1 (BIC-1) และ 2 (BIC-2) ยังคงเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องตามปกติ เนื่องจากยังไม่มีแผนที่จะหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ในปีนี้ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าเต็มกำลังการผลิตเช่นกัน

สำหรับผลงานในช่วง 9 เดือนของปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140 ล้านบาท หรือ 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้จำนวน 257 ล้านบาท แม้รายได้รวมลดลง 1,007 ล้านบาท หรือ 15% เหลือ  5,724 ล้านบาทก็ตาม สาเหตุหลักมาจากการประกาศจ่ายไฟฟ้าด้วยความระมัดระวังของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ทำให้ขายไฟฟ้าได้น้อยกว่าครึ่งปีแรกของปี 2562 และค่าก๊าซของ BIC ต่ำกว่าประมาณ 7% จากช่วง 9 เดือนของปี 2562 ขณะเดียวกันรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าไซยะบุรีจำนวน 231 ล้านบาทจากที่มีรายได้จากการขายไฟฟ้า รวม 8,942 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณการขายไฟฟ้า 4,654.4 ล้านหน่วย

“ ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ของปีนี้ มีพายุและฝนตกต่อเนื่องในสปป.ลาว ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี อยู่ในระดับที่เพียงพอและเป็นที่น่าพอใจต่อการขายไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 4 และคาดว่าสถานการณ์น้ำจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจต่อเนื่องไปในปี 2564 จึงคาดว่าผลการดำเนินงานจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายธนวัฒน์กล่าว

ปัจจุบันบริษัทฯ เตรียมออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท คาดเสนอขายในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินงานและลงทุนโครงการใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา

บริษัททริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ที่ระดับ “A-” แนวโน้มคงที่ ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรของ CKP ที่ระดับ “A” แนวโน้ม คงที่ สะท้อนผลงานในการพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ และกระแสเงินสดรับที่คาดว่าจะได้จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ได้รับอันดับเครดิต “AAA/Stable” อีกทั้ง บริษัทฯ มีประวัติการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดยในสิ้นไตรมาสที่ 3/2563 บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ประมาณ 2,700 ล้านบาทหรืออัตรา EBITDA Margin ที่  47 %และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.62 เท่า

บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 แห่ง รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์