“หุ้นดีขึ้นความเสี่ยงการเมืองในสหรัฐฯ ลดลง”

๐ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงด้านการเมืองในสหรัฐฯ ลดลง ภายหลังการเลือกตั้งปธน.ในวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยผลการนับคะแนนล่าสุด นาย Biden นำอยู่ที่ Electoral Votes 264 เสียง ขาดอีกเพียง 6 เสียงก็จะชนะการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี คะแนนเสียงพรรค Democrat ไม่มากพอที่จะออกมาในรูปแบบ Democrat Sweep ตามที่ตลาดคาดการณ์ได้ ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในอนาคต อาจออกมาน้อยกว่าคาด และอาจเกิดความล่าช้าในการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ละครั้ง นอกจากนี้จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปสูงกว่าในรอบแรกและแตะระดับสูงสุดในปัจจุบัน ส่งผลให้รัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดของมาตราการ Lockdown และอาจกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะนี้

๐ ดัชนี Composite PMI อย่างเป็นทางการเดือน ต.ค. สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงในสหรัฐฯ และยุโรป หลังสถานการณ์ COVID-19 รุนแรงขึ้นและกดดันภาคบริการ นำโดย ดัชนีสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง -0.6 จุดเป็น 56.9 จุด ตามภาคบริการที่ปรับตัวลดลง -1.2 จุด เป็น 56.6 จุด และดัชนียูโรโซน ปรับลดลง -0.4 จุด เป็น 50.0 จุด โดยภาคบริการปรับตัวลดลง -1.1 จุด เป็น 46.9 จุด ขณะที่ดัชนีประเทศแถบเอเชียยังฟื้นตัวขึ้นต่อ อาทิ ดัชนีจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.2 จุด เป็น 55.7 จุด และดัชนีญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.4 จุด เป็น 48.0 จุด จากดัชนีทั้งภาคการผลิตและการบริการของทั้ง 2 ประเทศปรับตัวดีขึ้น

๐ Fed คงนโยบายการเงินตามคาด โดยมีคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0-0.25% และระบุว่าจะคงอยู่ที่ระดับดังกล่าวจนกว่าตลาดแรงงานจะอยู่ในระดับที่คณะกรรมการประเมินว่าเป็นระดับการจ้างงานเต็มอัตรา (Full Employment) และเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 2% และเกินระดับดังกล่าวพอสมควร (Exceed moderately) เป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งแนวโน้มของดอกเบี้ยหรือ Dot Plot ล่าสุด ชี้ว่า Fed จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวไปจนถึงปี 2023 เป็นอย่างน้อย

๐ BoE มีมติคงดอกเบี้ยที่ 0.1% ตามคาด แต่เพิ่มวงเงิน QE มากกว่าคาดที่ 1.5 แสนล้านปอนด์ และปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้าลง โดย BoE มองภาพรวมเศรษฐกิจแย่ลงเมื่อเทียบการประชุมครั้งก่อน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 เร่งตัวขึ้นสูง อย่างรวดเร็ว และนำไปสู่การบังคับใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้ง โดย BoE ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2020F ลงเป็น -11.0% จากเดิมที่คาด -9.5% ในเดือน ส.ค. และคาด GDP จะพลิกกลับมาขยายตัวที่ 7.25% ในปี 2021F ลดลงจากเดิมที่คาดจะขยายตัว 9.0%