กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ 30.35-30.75 จับตาเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย

HoonSmart.com>> ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายกรอบ 30.35-30.75 บาทต่อดอลลาร์ จับตากระแสเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.35-30.75 บาทต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.60 บาทต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 10 เดือน ขณะที่เงินหยวนของจีนแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 ปี

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 5.5 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสูงถึง 2.67 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ หลังนายโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครตมีคะแนนนำประธานาธิบดีทรัมป์ในการนับผลโหวต โดยตลาดหุ้นและราคาทองคำทะยานขึ้น ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ร่วงลงท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐฯเผชิญความท้าทายมากขึ้นในการออกมาตรการกระตุ้นทางการคลังขนาดใหญ่เนื่องจากพรรครีพับลิกันอาจได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาต่อไป

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ข่าวชัยชนะของนายไบเดนช่วงสุดสัปดาห์เพิ่มความชัดเจนของภาพการเมืองสหรัฐฯ มากขึ้น ขณะที่โอกาสที่พรรคเดโมแครตจะได้ครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามีน้อยลง

อย่างไรก็ตาม แม้พรรครีพับลิกันมีแนวโน้มที่จะรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ได้ซึ่งจะทำให้รัฐบาลชุดใหม่ผ่านมาตรการกระตุ้นทางการคลังขนาดใหญ่ได้ยากขึ้น แต่นั่นหมายความว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจต้องขยายโครงการ QE เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ ส่งผลให้เงินดอลลาร์ยังคงมีทิศทางอ่อนค่าลงในปี 2564 ส่วนในระยะสั้นๆ สินทรัพย์เสี่ยงอาจพักฐานหลังจากดีดตัวขึ้นมาแรง และตลาดจะจับตาความพยายามของประธานาธิบดี ทรัมป์ในการคัดค้านผลเลือกตั้ง รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟดในงานฟอรัมที่จัดขึ้นโดยธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) วันที่ 12 พฤศจิกายน หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว เฟดมีมติเอกฉันท์ให้คงเป้าหมายดอกเบี้ยนโยบายและจะยังคงซื้อพันธบัตรในอัตรา 1.20 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือนเป็นอย่างน้อยและเน้นย้ำที่จะใช้เครื่องมือหลากหลายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ นักลงทุนจะติดตามความต่อเนื่องของกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทยซึ่งเป็นไปอย่างร้อนแรงหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยสินทรัพย์ในภูมิภาคนี้ได้รับแรงหนุนจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่มีแนวโน้มคลายความตึงเครียดลง อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนทางเมืองในประเทศและสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เร่งตัวขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรปอาจจำกัดการเปิดรับความเสี่ยงของนักลงทุนในช่วงนี้