HoonSmart.com>> “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” ไตรมาส 3/63 กำไร 145 ล้านบาท ลดลง 12% จากงวดปีก่อนผลกระทบโควิด-19 ชูฟื้นตัวโดดเด่นจากไตรมาส 2/63 กำไรโต 9 เท่า กวาดรายได้รวมเกือบ 2,000 ล้านบาท ตามการเติบโตของยอดขายและค่าเช่า หลังเปิดให้บริการได้ตามปกติเต็มไตรมาส อัตรากำไรทำสถิติสูงสุด คาดโค้งสุดท้ายของปีสดใส รับอานิสงส์ “ช้อปดีมีคืน” กระตุ้นกำลังซื้อ หนุนภาพรวมผลการดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่อง
บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 กำไรสุทธิ 145.57 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.29 บาท ลดลง 12.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 165.62 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.34 บาท
ส่วนงวด 9 เดือนปี 2563 กำไรสุทธิ 278.25 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.55 บาท ลดลง 38.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 455.44 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.07 บาท
น.ส.กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) เปิดเผยผลการดำเนินการไตรมาส 3/2563 ว่า ภาพรวมฟื้นตัวโดดเด่น เมื่อเทียบจากไตรมาส 2/2563 ที่ถือเป็นจุดต่ำสุด หลังหน่วยงานภาครัฐประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 145.6 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 9 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามการเติบโตของรายได้รวมที่ 1,989.8 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รับอานิสงส์กำลังซื้อภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 6,069.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 278.2 ล้านบาท
ในไตรมาส 3/2563 บริษัทฯ สามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) แตะสถิติสูงสุด โดยอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายอยู่ที่ 49.9% หลังดำเนินการปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปรับ Product Mix เพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ให้สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุค New Normal ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่อัตรากำไรสุทธิแตะระดับสูงสุดที่ 7.3% หลังบริษัทฯ เดินหน้าควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
น.ส.กฤษชนก กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ในสถานการณ์ยากลำบาก บริษัทฯ สามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างแข็งแกร่ง ชำระคืนเงินกู้ระยะยาวสถาบันการเงินนับจากต้นปีรวม 1,367 ล้านบาท โดยเป็นการชำระคืนก่อนกำหนด 998 ล้านบาท รวมถึงเดินหน้าจ่ายเงินปันผล 232.3 ล้านบาท สำหรับรอบผลประกอบการปี 2562 และประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 75.8 ล้านบาท สำหรับงวดการดำเนินงาน 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2563 ซึ่งได้จ่ายให้กับผู้ถือหุ้นแล้วเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2563
“แนวโน้มโค้งสุดท้ายของปี 2563 บริษัทฯ คาดการณ์ว่า มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ของรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ และช่วยผลักดันยอดขายและภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ ให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเดินหน้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูง ควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการซัพพลายเชนในการมุ่งลดปริมาณสินค้าคงเหลือต่อไปในอนาคต เพื่อรักษาขีดความสามารถการทำกำไรให้อยู่ในระดับสูงอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะสามารถเห็นผลประกอบการของบริษัทฯ กลับมาเติบโตได้อย่างโดดเด่น” น.ส.กฤษชนก กล่าว