HoonSmart.com>>สัญญาณร้ายตลาดหุ้นเกิดใหม่ “โดนัลด์ ทรัมป์”มีโอกาสเป็นประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 เตือนเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน “วายแอลจี”คาดราคาทองมีโอกาสลดลง บล.บัวหลวงเผยหุ้นเดือนต.ค.ร่วง 3.40% พบยอดชอร์ตเซลมากถึง 4.2 หมื่นล้านบาท พุ่งกว่า 200 % เทียบเดือนก.ย. AOT-PTT-KBANK ตกเป็นเป้าขายมากสุด 3 อันดับแรก
ตลาดหุ้นวันที่ 4 พ.ย. ดัชนีเหวี่ยงขึ้นลงรุนแรงมากกว่า 16 จุด จากช่วงเช้าวิ่งขึ้นไปเกือบ 10 จุด บริเวณ 1,231.05 จุด แต่ภาคบ่ายถลาลงไปต่ำสุด 6.84 จุดที่ระดับ 1,214.49 จุด ก่อนฟื้นขึ้นมาปิดที่ 1,222.44 จุด +1.11 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 49,807.92 ล้านบาท แรงขายหนักๆยังคงมาจากนักลงทุนต่างชาติ 1,859 ล้านบาท
สาเหตุที่ตลาดปรับตัวลง เกิดจากแรงขายทำกำไรหลังจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเบื้องต้น มีโอกาสพลิกล็อก เมื่อผลการนับคะแนน ยังคงสูสีระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับนายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงติดต่อกันสองวัน และหันกลับไปหาหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่คาดกำไรไตรมาส 3 และ 4 จะออกมาดี
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ กล่าวว่า โอกาสที่ทรัมป์จะได้รับชัยชนะนั้นเริ่มมีมากขึ้น อาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯมีโอกาสกลับมาปรับตัวดีกว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้ จึงมีมุมมองเชิงระมัดระวังมากขึ้น และโอกาสโอกาสในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของสหรัฐฯที่ลดลง กลุ่มที่น่ามอง กลุ่มโรงไฟฟ้า
บล.ทิสโก้คาดกว่าจะรู้ผลการเลือกตั้ง อาจต้องใช้เวลาหลายวัน หรือ อาจนำไปสู่ข้อโต้แย้งในศาล ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง เป็นความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความผันผวนได้ระยะสั้น แนวรับ 1215, 1210 แนวต้าน 1225, 1235-40
“หากดัชนีปิดเหนือระดับ 1225 ภาพเทคนิคจะยิ่งเป็นบวก คาดจะมีแรงซื้อ Short Covering เปิดโอกาสการเก็งกำไรกลับมา เล็งเป้าระยะสั้นขึ้นทดสอบ 1240-50 พอร์ตลงทุน ยังแนะหาจังหวะสะสม-ถือลงทุนข้ามปี”บล.ทิสโก้ระบุ
ส่วนทองคำ บริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล คาดว่าทรัมป์ มีโอกาสมากขึ้นที่จะได้ประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 สร้างแรงขายกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง ขณะที่ดัชนี Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ทะยานขึ้น 1.94%
อย่างไรก็ตาม ทองคำถูกมองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เมื่อผู้บริหารในตลาดวอลล์สตรีทและอุตสาหกรรมการเงินเรียกร้องให้ระมัดระวัง เนื่องจากไม่มีผู้ชนะอย่างชัดเจนการนับคะแนนอาจมีความยืดเยื้อที่สร้างภาวะติดขัดแก่ตลาดและธุรกิจ ขณะที่เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.0-0.25% แนะนำกลยุทธ์ ยังคงเน้นการลงทุนระยะสั้นและทำกำไรจากการแกว่งตัว โดยบริเวณ 1,880 หรือ 1,863 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นแนวรับ หากยืนได้มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านด้านบนบริเวณ 1,916-1,934 ดอลลาร์ แต่หากไม่สามารถยืนได้ ราคาก็มีโอกาสอ่อนตัวลงอีกครั้ง
ด้านบล.บัวหลวง รายงานภาพรวมการชอร์ตเซลในเดือนต.ค.2563 ว่า ดัชนีปิดที่ 1,194.95 จุด ลดลง 3.40% จากเดือนก.ย. มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 51,592 ล้านบาทต่อวัน โดยมีมูลค่าขายชอร์ตรวม 42,032 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 2,102 ล้านบาทต่อวัน มากกว่าเดือน ก.ย.ถึง 251.29% จากมูลค่า 11,965 ล้านบาท แต่ต่ำกว่าเดือน ต.ค. 62 ที่มีมูลค่า 66,360 ล้านบาท อยู่ 36.66%
ขณะที่สัดส่วนมูลค่าขายชอร์ตเทียบกับการซื้อขายบนกระดานหลักรวมเดือน ต.ค. เท่ากับ 4.07% สูงกว่าเดือน ก.ย. ที่ 1.30% และจำนวนหลักทรัพย์ที่ขายชอร์ตรวม 275 หลักทรัพย์ มากกว่าเดือน ก.ย. ที่ 217 หลักทรัพย์ และมากกว่าเดือน ต.ค. 62 ที่ 269 หลักทรัพย์ จากการกลับมาใช้เกณฑ์ปกติ zero plus tick rules อีกครั้ง
สำหรับหุ้นที่ถูกชอร์ตเซลมากที่สุดในเดือนต.ค. 63 คือ AOT มีมูลค่าขายชอร์ตสูงสุด 2,741 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10.26% เทียบกับมูลค่าซื้อขายบนกระดานหลัก ตามด้วย PTT มูลค่าขายชอร์ต 2,739 ล้านบาท คิดเป็น 8.54% และ KBANK ขายชอร์ต 1,746 ล้านบาทคิดเป็น 5.67%
ด้านมูลค่าการชอร์ตของ NVDR สูงสุดเดือนต.ค.เป็น KBANK-R ด้วยยอดชอร์ต 1,015 ล้านบาท