HoonSmart.com>> WHAUP เปิดตัวโครงการ Solar Carpark ขนาดใหญ่สุดในไทย บนพื้นที่ลานจอดรถโรงงานผลิตรถยนต์ MG รวมพื้นที่หลังคา 31,000 ตารางเมตร หลัง COD ต้นเดือนต.ค.63 ขนาดผลิตไฟฟ้ารวม 4.88 เมกะวัตต์ ด้าน CEO “นิพนธ์ บุญเดชานันทน์” ลั่นเดินหน้าขยาย Solar Rooftop ทั้งใน-นอกนิคมฯ ดับบลิวเอชเอต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปีเซ็นสัญญาติดตั้ง Solar Rooftop ได้ตามเป้า 50 เมกะวัตต์
ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยว่า วันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯ และ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (SAIC MOTOR-CP) ได้ร่วมกันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในการดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จอดรถ (Solar Carpark) ขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวม 4.88 เมกะวัตต์ บนพื้นที่หลังคาลานจอดรถ รวม 31,000 ตารางเมตร หรือจอดรถได้ประมาณ 2,000 คัน ของโรงงานผลิตรถยนต์ MG ของบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (SAIC MOTOR-CP) ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด2 (WHA ESIE 2) ซึ่งเป็นโครงการ Solar Carpark มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยอายุสัญญาโครงการดังกล่าว มีระยะเวลา 20 ปี ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
“โครงการติดตั้ง Solar บนหลังคาที่จอดรถของโรงงานผลิตรถยนต์ MG ในครั้งนี้ ใช้งบลงทุนประมาณ 175 ล้านบาท โดย WHAUP เป็นลงทุนทั้งหมด เพื่อติดตั้งโครงหลังคาลานจอดรถ และระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ การออกแบบดำเนินการด้านวิศวกรรมติดตั้ง และก่อสร้าง พร้อมทั้งยังดูแลในด้านการขอใบอนุญาต และยังมีการบำรุงรักษาหลังการติดตั้งให้อย่างครบวงจร ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในศักยภาพ ความเชี่ยวชาญในประสบการณ์ของทีมบุคคลากรที่มีความเป็นมืออาชีพในการให้บริการลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และในขณะเดียวกัน ยังสามารถช่วยประหยัดพลังงานให้กับลูกค้าด้วย” ดร.นิพนธ์ กล่าว
มร. จาง ไห่โป กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจัยที่บริษัท เลือก WHAUP เป็นผู้ติดตั้ง Solar ในครั้งนี้ เนื่องจากเรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพและความเชี่ยวชาญของ WHAUP ซึ่งมีครบทั้งด้านการออกแบบ ดำเนินการด้านวิศวกรรมติดตั้ง และก่อสร้าง พร้อมทั้งยังดูแลในด้านการขอใบอนุญาต และยังมีการบำรุงรักษาหลังการติดตั้งให้อย่างครบวงจร และมีทีมบุคคลากรที่มีความเป็นมืออาชีพในการให้บริการลูกค้า และมีความเข้าใจในมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงของทางลูกค้า
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเล็งเห็นความสำคัญด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการติดตั้ง Solar ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Offset) ของโรงงานที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศตามนโยบายลดโลกร้อน จากภาวะเรือนกระจก และยังช่วยให้บริษัทลูกค้าสามารถลดต้นทุนการผลิตตลอดอายุการใช้งาน 20 ปีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP กล่าวเพิ่มว่า สำหรับโครงการ Solar Rooftop ของ WHAUP นั้นเป็นการติดตั้ง Solar Rooftop บนพื้นที่หลังคาอาคารโรงงาน และคลังสินค้า ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ซึ่งปัจจุบัน WHAUP มีโครงการติดตั้ง Solar Rooftop ที่เซ็นสัญญาแล้ว จำนวน 42 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 48 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นการติดตั้ง Solar Rooftop ในนิคมอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป จำนวน 30 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้ง Solar Rooftop นอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ อีกจำนวน 18 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา เพิ่มเติมอีก 4-5 ราย ซึ่งมั่นใจว่าปีนี้บริษัทฯ จะสามารถเซ็นสัญญาติดตั้ง Solar Rooftop ได้ตามเป้าที่วางไว้ 50 เมกะวัตต์ สอดรับกับแผนการขยายธุรกิจ ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีนี้ แตะระดับ 592 เมกะวัตต์