PTTEP ดีตามคาด กำไร 7,201 ลบ.Q3 หั่นปริมาณขายปีนี้เหลือ 3.5แสนบาร์เรล

HoonSmart.com>>ปตท.สผ.เปิดผลงานไตรมาส 3/2563 ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ได้ราคาน้ำมันดิบฟื้นหนุนราคาผลิตภัณฑ์ ปริมาณขายเพิ่มขึ้น รวม 9 เดือนกำไร 20,137 ล้านบาท ลดลง 46% ส่วนปริมาณขายทั้งปีนี้ คงทำไม่ได้ตามเป้าเดิม  3.55 แสนบาร์เรล

นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือปตท.สผ. (PTTEP) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2563 มีกำไรสุทธิ 7,201.85 ล้านบาท ลดลง 3,816 ล้านบาท หรือ ประมาณ 34.63% จากที่มีกำไรสุทธิ11,018.96 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน   แต่เทียบกับไตรมาส 2/2563 ที่มีกำไรสุทธิ 4,322.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,878.99 ล้านบาท คิดเป็น 66.60% โดยรวม 9 เดือนปีนี้กำไร 20,137  ล้านบาท ลดลงจำนวน 17,045 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 46% จาก 37,182  ล้านบาท

กำไรที่ดีขึ้นในไตรมาส 3/2563  มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 40,887 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%ได้รับแรงสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เริ่มฟื้นตัว ผลักดันให้ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยสูงขึ้นกว่า 11% จาก 34.97 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ดอลลาร์ สรอ.) ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาส 2 เป็น 38.77 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ประกอบกับปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่ดีขึ้นกว่า 5% จากไตรมาสก่อนหน้ามาอยู่ที่ 344,317 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยหลักมาจากการเรียกรับก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ 30 ดอลลาร์ สรอ. ทําให้บริษัทมีกําไรจากการดําเนินงาน 230 ล้านดอลลาร์ สรอ. สูงขึ้น 72%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และยังคงสามารถรักษากําไรก่อนดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ในระดับ 71%

ส่วน 9 เดือนปีนี้ บริษัทมีปริมาณการขาย  344,317 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ทำให้บริษัทปรับลดเป้าปริมาณขายปีนี้เหลือ 3.5 แสนบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ตั้งไว้  3.55 แสนบาร์เรล/วัน

ด้านสถานะการเงินของบริษัท ณ สิ้นไตรมาส 3/2563 บริษัทมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวมทั้งสิ้น 3,491 ล้านดอลลาร์ สรอ. และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับตํ่าที่ 0.33 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงการมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งและสถานะการเงินที่มั่นคง พร้อมรองรับความผันผวนของราคาน้ำมันที่อาจเกิดขึ้นรวมทั้งโอกาสในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท

นายพงศธร กล่าวต่อว่าในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้เริ่มเจาะหลุมประเมินผล เพื่อประเมินศักยภาพปิโตรเลียม ในแปลงซาราวัก เอสเค 410 บี ประเทศมาเลเซีย  น่าจะทราบผลภายในปีนี้ และจะผลักดันให้สามารถตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ให้ได้ในปี 2565 นอกจากนี้ บริษัทได้เข้าซื้อโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ เพิ่มอีก  24.5% จาก CNOOC หนึ่งในผู้ร่วมลงทุนโครงการ ด้วยมูลค่าเท่ากับเงินลงทุนตามสัดส่วนของ CNOOC ที่ใช้ในระหว่างการพัฒนาโครงการจนถึงวันที่ได้รับการอนุมัติ ขณะนี้กำลังรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลแอลจีเรีย บริษัทจะมีสัดส่วนการลงทุนทั้งหมด 49% คาดว่าจะเริ่มผลิตในระยะแรกได้ที่ระดับ 10,000-13,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงหลังของปี 2564 และจะเพิ่มการผลิตเป็น 50,000-60,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2568

การซื้อขายหุ้น PTTEP ครึ่งวันที่ 29 ต.ค. พบว่าราคาแข็งแรง จากที่ลงไปต่ำสุด 77 บาท ก่อนเด้งขึ้นปิด 78.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน