HoonSmart.com>>หุ้น STARK ธุรกิจสายไฟฟ้าไฮโวลล์ เบอร์ 1 ของไทย และเป็นสายไฟที่ขายไปทั่วโลกกว่า 33 ประเทศ ธุรกิจเข้าตลาดกองทุนต่างประเทศ ที่สนใจซื้อและถือลงทุนระยะยาว ผ่านการทำ OVER NIGHT ของผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่เฉือนหุ้นออกขาย เพิ่มฟรีโฟลท ตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ อย่างน้อย 15 % ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท ขึ้นแท่นเข้า SET 50 ตามแผนปลายปีนี้-ต้นปี 2564
บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสายไฟฟ้าแรงดันสูง หรือ ไฮโวลล์ ที่ใช้ในระบบการส่งและจ่ายกระแสไฟฟ้า และสายไฟฟ้าทั่วไป มีกลุ่มลูกค้าทั้งใน-ต่างประเทศ กว่า 33 ประเทศ แบรนด์ เฟ้ลปส์ ดอด์จ รวมทั้งเป็นบริษัทไทยรายแรกและรายเดียว ที่ให้บริการทดสอบระบบสายไฟฟ้าแรงดันสูงแบบเคลื่อนที่
ธุรกิจดี แต่ฟรีโฟลท ต่ำ
หุ้น STARK ถือหุ้นใหญ่โดยกลุ่มของนาย วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ทายาทสีทีโอเอ หลังจากเข้าเทคโอเวอร์บริษัท สยามมัลติมีเดีย (SMM) จัดโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างทุนใหม่ เป็นที่เรียบร้อย หรือจะเรียกว่า จัดบ้านแต่งตัวจนสวยเข้าตานักลงทุน โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศแล้ว แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ ยังกอดหุ้นจำนวนมาก ส่งผลให้สภาพคล่องหุ้นต่ำ กว่าเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ที่ต้องมีฟรีโฟลท (Free Float) ไม่ต่ำกว่า 15 % ของหุ้นทั้งหมด
การเพิ่มสภาพคล่องดังกล่าว มีไม่กี่ช่องทาง เช่น การเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม , การเพิ่มทุนเสนอขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) หรือการนำหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม ออกขาย โดยวิธีการซื้อขายรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) เป็นการกระจายหุ้นให้กองทุน หรือนักลงทุน ซื้อ ซึ่ง STAKR เลือกที่จะไม่เพิ่มทุน เพราะกระทบราคาหุ้นและกำไรต่อหุ้น แต่เลือกวิธีนำหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ และ STARK INVESTMENT CORPORATION ซึ่งถือหุ้นรวมกัน ราว 90 % ของทุนจดทะเบียน ออกมาขายให้กับกองทุนต่างชาติ
ว่ากันว่า กองทุนที่สนใจ เป็นกองทุนระดับโลก หลายราย อาทิ Fidelity , BlackRock หรือ Vanguard
STARK ธุรกิจที่เติบโตจากการซื้อกิจการ
การเติบโตของ STARK ในปัจจุบัน มาจากธุรกิจสายไฟฟ้าของเฟ้ลปส์ ดอด์จ ซึ่งไม่เพียงพอต่อ จึงได้เข้าซื้อกิจการสายไฟฟ้าจากบริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นการเพิ่มช่องทางขายผลิตภัณฑ์สายไฟฟ้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้ง การเข้าซื้อบริษัท สายไฟฟ้ารายใหญ่จากเวียดนาม Thinh Phat Electric Cable Joint Stock และการซื้อกิจการ บริษัท อดิสร สงขลา ทำธุรกิจให้บริการ ส่งเจ้าหน้าที่ วิศวกร และอุปกรณ์แท่นขุดเจาะน้ำมัน ปิโตรเลียม ให้กับบริษัทชั้นนำของไทยและต่างชาติ
จะเห็นว่า ธุรกิจของ STARK เริ่มมีความชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา และปี 2563 ผลประกอบการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งไตรมาส 2/2563 รายงานกำไรสุทธิ 440.5 ล้านบาท เติบโต 68.8 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นการเทิร์นอะราวน์ธุรกิจแท้จริง ซึ่งรายได้หลักที่เพิ่มขึ้นมาจากการรับรู้รายได้จากโรงงานสายไฟฟ้าที่เวียดนาม (Thipha, Dovina) และ Thai Cable ครั้งแรกเต็มไตรมาส
ฉะนั้น ไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 หรือทั้งปี 2563 ทั้งรายได้และกำไร จะเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจน คาดการณ์กำไรปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากงวด 6 เดือนแรก /2563 กำไรสุทธิ 701 ล้านบาท และปี 2564 การรับรู้กำไรเต็มปีจากโรงงานสายไฟเวียดนาม, จาก Thai Cable และอดิสร สงขลา
สำหรับนักลงทุนรายย่อย-รายใหญ่ ที่เห็นโอกาสการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปแล้ว หุ้น STARK จึงเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะกลาง ถึงระยะยาว รับทิศทางการเติบโตก้าวกระโดดในปี 2564 เป็นต้นไป
บล.เอเซียพลัส ได้ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมสิ้นปี 2564 เท่ากับ 2.52 บาท/หุ้น อิง PER 38 เท่า คำแนะนำ “ซื้อ” ภายใต้สมมุติฐาน มีโอกาสเติบโตจากการ M&A เพิ่มเติม และไม่มีการเพิ่มทุนจากนี้