HoonSmart.com>> “โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์”ออกหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 2 ปี 5 เดือน 5 วัน จ่ายดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี นำเงินชำระคืนหุ้นกู้เดิมครบกำหนด พร้อมสำรองเงินทุนหมุนเวียน “ทริส” จัดเรทติ้ง BBB แนวโน้ม “Stable”
นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน เปิดเผยว่า NOBLE ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขออนุญาตและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดย NOBLE ได้เตรียมจะออกและเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ อายุ 2 ปี 5 เดือน 5 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณทุก ๆ 100,000 บาท คาดว่าจะเสนอขายภายในวันที่ 13 พ.ย.และ 16-17 พ.ย.2563
วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนพ.ย.2563 และสำรองสำหรับเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB แนวโน้ม “Stable” โดยปรับขึ้นจากแนวโน้ม “Negative” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2563 โดยมีธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี (ไทย) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส และบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
นายอรรถวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุหลักที่ได้ปรับแนวโน้มเป็น Stable หรือ คงที่ เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงที่ผ่านมาทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์โควิด-19 โดยบริษัทฯ ทยอยเปิดโครงการใหม่ในปีนี้เป็นจำนวน 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ได้เปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ ได้แก่ นิว โนเบิล งามวงศ์วาน นิว โนเบิล รัชดา – ลาดพร้าว และ นิว โนเบิล ไฟฉาย – วังหลัง ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายได้กว่า 40%-60% ในแต่ละโครงการ เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง
นอกจากนั้น บริษัทฯยังได้ทยอยขายและโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการคอนโดที่สร้างเสร็จ อาทิเช่น โนเบิล เพลินจิต โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 เป็นต้น โดยบันทึกยอดขายได้กว่า 2,800 ล้านบาท ส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้และสภาพคล่องที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ อีกด้วย
นอกจากนี้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯมีรายได้รวม 4,023 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 714 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมั่นใจว่าจะทำรายได้ในปี 2563 ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดที่สร้างเสร็จแล้วและโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จ อาทิ โนเบิล บี ไนน์ทีน สุขุมวิท 19 โนเบิล อราวน์ สุขุมวิท 33 และนิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ ที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 5,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯยังได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจากผลกระทบของโควิด-19 เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ เป็นที่ยอมรับในตลาด ขณะที่ความแข็งแกร่งของ NOBLE ยังสะท้อนได้จากอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯที่ระดับ BBB ซึ่งตอกย้ำสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นที่ยอมรับว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย