หุ้นมิ.ย.ร่วง 7.6% หนุนปันผล 3.23% สูงกว่าเอเชีย

ตลาดหุ้นไทยเดือนมิ.ย. ปรับตัวลงตามตลาดในภูมิภาค ต่างชาติทิ้ง 48,714 ล้านบาท ณ มิ.ย.ยอดถือครองประมาณ 29.73% ของมาร์เก็ตแคป

นาย ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเดือนมิ.ย.2561 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดที่ 1,595.58 จุด ลดลง 9% จากสิ้นปี 2560 และลดลง 7.6% จากสิ้นเดือนก่อน ส่งผลให้ Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์มาอยู่ที่ 14.57 เท่า ปรับตัวลงไปมีทิศทางเดียวกันกับตลาดอื่นในภูมิภาค โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 48,714 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาคและตลาดตราสารหนี้ของไทยที่ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิ

ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรก ผู้ลงทุนต่างประเทศจะมีการขายสุทธิ 179,844 ล้านบาท แต่ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ประมาณการมูลค่าการถือครองหุ้นโดยผู้ลงทุนต่างประเทศอยู่ระดับ 4.85 ล้านล้านบาท คิดเป็น 29.73% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 30.84% ณ สิ้นปี 2560

สำหรับมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของตลาดหลักทรัพย์( SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ( mai )อยู่ที่ 57,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การปรับตัวของตลาด เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าและการปรับการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา สำหรับเศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากปัจจัยขับเคลื่อนภายในประเทศ อาทิ การเร่งลงทุนของภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัว

ทางด้านอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2561 อยู่ที่ระดับ 3.23% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่อยู่ที่ 2.83%

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ที่ 16.4 ล้านล้านบาท ลดลง 8.7% จากสิ้นปี 2560 ตามทิศทางดัชนี

ในเดือนมิ.ย. 2561 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 557,004 สัญญา เพิ่มขึ้น 42.1% จากเดือนก่อน มาจากการซื้อขาย SET50 Index Futures และ Single Stock Futures ที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก