HoonSmart.com>> บอร์ดบีจิสติกส์ ไฟเขียวซื้อหุ้นเพิ่มทุน “เดอะ เมกะวัตต์” สัดส่วน 5% ร่วมผู้ลงทุนอีก 4 ราย มูลค่ารวม 125 ล้านบาท เพื่อลงทุนธุรกิจด้านพลังงานทั้งในและต่างประเทศ
บริษัท บีจิสติกส์ (B) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2563 ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้บริษัทฯ เข้าร่วมลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ร่วมกับผู้ลงทุนอีก 4 รายคือ บริษัท มิลล์คอน สตีล (MILL), บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE), นางสาวพุย หมัน ลีและนายธนรัชต์ พสวงศ์ โดยบริษัทฯ จะเข้าร่วมลงทุนในบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ในสัดส่วนการลงทุน 5% ของทุนจดทะเบียน 2,500 ล้านบาท ตามที่ผู้ถือหุ้นตกลงกันและอยู่ในระหว่างการระดมทุน คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 125 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มเข้าลงทุนครั้งแรกภายในเดือนพ.ย.2563 และหลังจากนั้นเมกะวัตต์จะเพิ่มทุนจดทะเบียนต่อไปอีกจนครบ 2,500 ล้านบาท โดยจะทยอยเรียกชำระเงินค่าหุ้นจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด
สำหรับแหล่งเงินใช้ในการเพิ่มทุน เป็นเงินเพิ่มทุนเดิมที่บริษัทได้รับชำระแล้วตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2562 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของ งบประมาณการลงทุนทั้งหมดในครั้งนี้และหรือเงินเพิ่มทุนที่อาจจะเข้ามาใหม่ จากการเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้กับบุคคลในวงจำกัด ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 ธ.ค.2563 และหรือเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ
การลงทุนดังกล่าวเป็นการขยายการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงและเติบโตในอนาคต เนื่องจากธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์จะมีการซื้อขายในรูปแบบของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ระยะยาวประมาณ 30 ปี จึงเป็นการการันตีรายได้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
ปัจจุบันบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ มีแผนการลงทุนในโครงการโซล่าร์ฟาร์มของ บริษัท สยามโซล่าร์ เจนเนอเรชั่น (SSG) ซึ่งดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ รวม 22.5 เมกะวัตต์ และลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โซล่าร์ฟาร์ม ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 360 MWp ตั้งอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า โดยมีแผนการก่อสร้างช่วงแรกประมาณ 60 MWp ในปลายปี 2563 และคาดว่าจะเริ่มซื้อขายไฟฟ้าได้ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานของประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ในปี 2564 เป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากวันที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ หลังจากนั้น จะดำเนินการทยอยก่อสร้างเพิ่มเติมจนครบตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่วางแผนไว้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2567
