ดาวโจนส์ปิดร่วง 375 จุด ทรัมป์ระงับหารือมาตรการกระตุ้นศก.รอหลังเลือกตั้ง

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดร่วง 375 จุด ทรัมป์ระงับหารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจนกว่าผ่านเลือกตั้ง ด้านตลาดหุ้นยุโรปบวกยกแผง แรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 3%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ที่ 27,772.76 จุด ลดลง 375.88 จุด หรือ 1.34% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยกเลิกการหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ไปจนกว่าจะผ่านการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,360.95 จุด ลดลง 47.68 จุด, -1.40%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,154.60 จุด ลดลง 177.89 จุด, -1.57%

ในช่วงแรกตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความหวังว่า จะมีการการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดสองเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด แต่ดัชนี DJIA ลดลง 375 จุดหลังประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตว่า ทำเนียบขาวระงับการเจรจาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่กับพรรคเดโมแครต

“ผมได้ให้ทีมตัวแทนของผมหยุดการเจรจาไปจนกว่าผ่านการเลือกตั้ง และเมื่อทันทีที่ผมชนะ เราจะผ่านกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ทำงานหนักและธุรกิจขนาดเล็ก” ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีต

นักลงทุนส่วนหนึ่งมองว่าการหยุดการเจรจาของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นเพียงแทคติกการเจรจา ขณะที่ส่วนหนึ่งมองว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการการคลัง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์กระตุ้นเศรษฐกิจ

นายเจอโรม พาวเวล์ ประธานธนาคารกลาง (เฟด)กล่าวว่า เศรษฐกิจจำเป็นต้องมีการกระตุ้นทั้งมาตรการคลังและการเงินเพื่อให้ฟื้นตัว ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทอดยาว และการขาดมาตรการสนับสนุนจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอ่อน สร้างความยากลำบากที่ไม่จำเป็นแก่ครัวเรือนและธุรกิจ

นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า การหยุดการเจรจาหมายถึงเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้าไปอีก

ในวันนี้เฟดจะเผยแพร่รายงานการประชุมประจำเดือนกันยายนของคณะกรรมการนโยบายการเงิน

กระทรวงพาณิชย์เผยว่า การขาดดุลการค้าเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 5.9% มาที่ระดับ 67.1 พันล้านดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2006 และสูงกว่า 66.1 พันล้านดอลลาร์ที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ลดลง 4.5% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 3.65% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ลดลง 2.97% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ลดลง 2.36%

หุ้นโบอิ้ง ลดลง 6.3% หลังบริษัทคาดว่า ความต้องการเครื่องบินพาณิชย์ในช่วง 10 ปีข้างหน้าจะลดลง 11%

หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ลดลง 4.1% หลังมีรายงานว่า จีอีได้รับหนังสือแจ้งจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) เกี่ยวกับการดำเนินการด้านบัญชี

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มธนาคารที่เพิ่มขึ้น 3.3% หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ อาการดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาลจากที่เข้ารับการรักษาโรคโควิด รวมทั้งความหวังเกี่ยวกับการออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ และข้อตกลงการค้าหลัง Brexit ของอังกฤษกับสหภาพยุโรป และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของเยอรมนี

คำสั่งซื้อสินค้าของเยอรมนีเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 4.5% ดีกว่าคาด ทำให้คาดหวังว่าเศรษฐกิจไตรมาสสามจะขยายตัวแข็งแกร่ง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 365.88 จุด เพิ่มขึ้น 0.25 จุด, +0.07%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,949.94 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด, +0.12%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,895.46 จุด เพิ่มขึ้น 23.59 จุด, +0.48%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,906.02 จุด เพิ่มขึ้น 77.71 จุด, +0.61%

หุ้นโรลลส์รอยซ์เพิ่มขึ้น 9.7% หลังเซ็นสัญญาสร้างโรงผลิตก๊าซให้ในอินเดีย

หุ้นโลจิเท็คลดลงกว่า 5% จากรายงานว่าแอปเปิลจะเลิกขายหูฟังและลำโพงที่ผลิตโดยคู่แข่งก่อนการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากการคาดการณ์ว่า พายุเฮอร์ริเคน เดลต้า จะส่งผลให้การผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกลดลง 29.2% โดยราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบ เดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.45 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 40.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 42.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล