ดาวโจนส์ปิดบวก 35 จุด จับตามาตรการศก.-น้ำมันร่วง 3%

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดาวโจนส์ปิดบวก 35 จุด จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เทขายกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 3% กังวลโควิด-19 ฉุดความต้องการใช้น้ำมันลดลง ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ที่ 27,816.90 จุด เพิ่มขึ้น 35.20 จุด หรือ 0.13% แต่อ่อนตัวจากจุดสูงสุดของวันหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 250 จุด นักลงทุนยังจับตาการเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรส ขณะที่แรงซื้อในกลุ่มเทคโนโลยีหนุนให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,380.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.80 จุด, +0.53%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,326.51 จุด เพิ่มขึ้น 159.00 จุด, +1.42%

หุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 2.3% หุ้นทวิตเตอร์ เพิ่มขึ้น 4.92% หุ้นเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 1.81% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.52% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.85%

การเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสล่าช้าเพราะยังตกลงเรื่องวงเงินกันไม่ได้ โดยพรรคเดโมแครตต้องการวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์แต่ทำเนียบขาวยืนยันวงเงินที่ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ และในการเจรจาระหว่างนางแนนซี เพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เริ่มเจรจากับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังเมื่อวานนี้ยังไม่มีข้อสรุป แต่ส่งสัญญานแนวโน้มที่ดีขึ้น

ความล่าช้าของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้อเมริกันแอร์ไลน์และยูไนเต็ดแอร์ไลน์ประกาศเดินหน้าแผนปลดพนักงานรวมกัน 32,000 ราย จากเดิมที่ถูกระงับจากกฎหมาย CARES แต่จะจ้างงานต่อหากได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐ

ทางด้านทีมบริหารของประธานาธิบดีดัลด์ ทรัมป์เสนอมาตรการช่วยเหลือสายการบินเพิ่มเติมเป็นวงเงิน 20 พันล้านดอลลาร์ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ส่งผลให้หุ้นสายการบินปรับตัวขึ้น โดยหุ้นอเมริกันแอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 2.36% ยูไนเต็ดแอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 1.24% หุ้นเซ้าท์เวสต์แอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 1.17%

ขณะเดียวกันข้อมูลเศรษฐกิจที่มีทิศทางแตกต่างกันทำให้นักลงทุนยังซื้อขายอย่างระมัดระวัง โดยสถาบันจัดการด้านอุปทาน (the Institute for Supply Management:ISM) เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(Purchasing Manager’s Index:PMI)ภาคการผลิตเดือนกันยายนลดลงมาที่ระดับ 55.4 จาก 56.0 ในเดือนสิงหาคม และต่ำกว่า 56.3 ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงแรงงานเผยการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วมีจำนวน 837,000 ราย ต่ำกว่า 850,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาดลดลงจาก 873,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

กระทรวงพาณิชย์เผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.0% สูงกว่า 0.8% ที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.4% สูงกว่า 0.8%ที่นักวิเคราะห์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นมาที่ 0.705% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีเพิ่มขึ้นมาที่ 0.286%

หุ้นโบอิ้งเพิ่มขึ้น 1.6% หลังจากนายสตีฟ ดิคสัน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ได้แสดงความพอใจในการทดสอบเที่ยวบินของเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงหลังราคาน้ำมันดิบ WTI อ่อนตัวลง 3.7% เมื่อคืนนี้จากความกังวลว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 3.47% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.19%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.50 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 38.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง .37 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 40.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.4% แต่กลุ่มน้ำมันและก๊าซลดลง 1.7% ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นเมื่อวันก่อน แต่นักลงทุนยังกังวลการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ในหลายประเทศ หลังจากกรุงแมดริดเป็นเมืองหลวงแรกที่ถูกล็อกดาวน์อีกครั้ง ขณะที่ในอังกฤษรัฐมนตรีสาธารณสุขได้ใช้มาตรการจำกัดความเคลื่อนไหวในวงกว้าง ส่วนในอิตาลีขยายภาวะฉุกเฉินในภาคเหนือไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า

ในกลุ่มน้ำมันและก๊าซหุ้นโททาลของฝรั่งเศส หุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ของอังกฤษ ลดลงราว 2.4-3.8

การระบาดรอบใหม่ทำให้วิตกต่อความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แม้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(Purchasing Manager’s Index:PMI) ภาคการผลิตเดือนกันยายนของยูโรโซนเพิ่มขึ้นมาที่ 53.7 ตามคาด ซึ่งบ่งชี้การฟื้นตัวของภาคการผลิต ส่วนใหญ่มาจากเยอรมนี แต่การว่างงานของยูโรโซนเดือนสิงหาคมเพิ่ม 0.1% จากเดือนก่อนมาที่ 8.1%.

นักลงทุนยังเกาะติดการพัฒนาวัคซีนหลังซีอีโอบริษัท Moderna ระบุว่า บริษัทจะไม่ยื่นขอให้ FDA สหรัฐฯอนุมัติวัคซีนแบบฉุกเฉิน จนกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯวันที่ 3 จะผ่านพ้นไปแล้ว

นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่สหภาพยุโรปขู่จะฟ้องอังกฤษ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษลงคะแนนผ่านแผนที่มีผลให้ข้อตกลง Brexit ที่ทำไว้ตกไปแม้อังกฤษยอมระบว่าจะขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 361.80 จุด เพิ่มขึ้น 0.71 จุด, +0.20%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิด 5,879.45 จุด เพิ่มขึ้น 13.35 จุด,+0.23%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,824.04 จุด เพิ่มขึ้น 20.60 จุด, +0.43%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,730.77 จุด ลดลง 29.96 จุด, -0.23%

กำไรไตรมาส 3 ที่ดีกว่าคาด ส่งผลให้หุ้น H&M ในสวีเดนเพิ่มขึ้น 6% หุ้น STMicro ผู้ผลิตชิปในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นและหุ้น Infineon ในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 7.5%

หุ้นโรลลส์รอยซ์ลดลงกว่า 10% หลัวประกาศแผนระดมทุน 6.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อความอยู่รอด

หุ้นเบเยอร์ลดลงกว่า 12% หลังประกาศลดค่าใช้จ่ายและผลขาดทุนจากการด้อยค่า และปรับลดแนวโน้มคาดการณ์ผลประกอบการ

อ่านขา่ว

ราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 3% กังวลโควิดฉุดความต้องการใช้ลด