ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 320 จุด เศรษฐกิจแกร่ง จับตามาตรการชุดใหม่

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 320 จุด เศรษฐกิจดีกว่าคาด จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วง ราคาน้ำมันดิบผันผวน WTI ขยับขึ้น เบรนท์ลดลงเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 30 กันยายน 2563 ที่ 27,781.70 จุด เพิ่มขึ้น 329.04 จุด หรือ 1.20% นำโดยกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยี จากความคาดหวังว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ขณะที่ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเริ่มการเจรจารอบใหม่และจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,363.00 จุด เพิ่มขึ้น 27.53 จุด , +0.83%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,167.51 จุด เพิ่มขึ้น 82.26 จุด , +0.74%

ในเดือนนี้ ดัชนี DJIA ลดลง 2.3% ดัชนี S&P500 ลดลง 3.9% และดัชนี Nasdaq ลดลง 5.2%

นางแนนซี เพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เริ่มเจรจากับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังเมื่อวานนี้แต่ยังไม่มีข้อสรุป ตลาดจึงอ่อนตัวในช่วงท้ายชั่วโมงซื้อขาย อย่างไรก็ตามก็ยังเดินหน้าการเจรจาต่อไป

ระหว่างวันตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์เผย การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 749,000 ตำแหน่ง สูงกว่า 650,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) เผย ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)เดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 8.8% แตะระดับ 132.8 ยูนิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของรายเดือน

กระทรวงพาณิชย์เผยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการประเมินครั้งสุดท้ายว่า GDP หดตัวลง 31.4% แม้หดตัวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี แต่ประมาณการครั้งที่ 3 ยังดีกว่าหดตัวลง 31.7% ของประมาณการครั้งที่ 2 และหดตัวลง 32.9%ของประมาณการครั้งที่ 1

หุ้นกลุ่มที่รับผลบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มธนาคาร กลุ่มเรือสำราญ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 2.12% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 1.35% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 2.35% หุ้นนิร์วีเจียน ครูซเพิ่มขึ้นกว่า หุ้นนิร์วีเจียน ครูซเพิ่มขึ้นกว่า % และหุ้นโบอิ้งเพิ่มขึ้น 1%

อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังลงทุนอย่างระมัดระวัง จากความกังวลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายน เพราะในการดีเบตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และโจ ไบเดนเมื่อวานนี้ประธานาธิบดีทรัมป์มีท่าทีจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง รวมทั้งวิตกว่าหากไบเดนชนะการเลือกตั้ง อาจะมีการปรับอัตราภาษีนิติบุคคลขึ้นและใช้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดกว่าเดิม

นอกจากนี้ยังกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น

แม้ Regeneron Pharmaceuticals รายงานผลการทดสอบวัคซีนว่าช่วยให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้รักษาตัวในโรงพบาบาลมีอาการดีขึ้น แต่ Moderna ก็ระบุว่า จะยังไม่มีวัคซีนออกมาก่อนการเลือกตั้ง

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง แต่กลุ่มธนาคารบวกกว่า 1% นักลงทุนเกาะติดการดีเบตรอบแรกระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตที่ดุเดือด รวมทั้งประเมินแนวโน้มสภาพแวดล้อมการลงทุนท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่

นางคริสตีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางสหภาพยุโรป ส่งสัญญานปรับเปลี่ยนเป้าหมายเงินเฟ้อในการทบทวนนโยบายการเงิน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 361.09 จุด ลดลง 0.40 จุด, -0.11%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิด 5,866.10 จุด ลดลง 31.40 จุด หรือ -0.53%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,803.44 จุด ลดลง 28.63 จุด หรือ -0.59%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,760.73 จุด ลดลง 65.09 จุด หรือ -0.51%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 2.4% ปิดที่ 40.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 40.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล