ดาวโจนส์ปิดลบ 131 จุด เกาะติดดีเบต “ทรัมป์-ไบเดน” รอบแรกชี้ชะตาเลือกตั้ง

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐร่วง ดาวโจนส์ปิดลบ 131 จุด เกาะติดการดีเบตทรัมป์-ไบเดน รอบแรกชี้ชะตาเลือกตั้ง ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ด้านราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 3% น้ำมัน WTI หลุด 40 ดอลลาร์ฯ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 29 กันยายน 2563 ที่ 27,452.66 จุด ลดลง 131.40 จุด หรือ 0.48% นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนการดีเบตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตรอบแรกจะเริ่มขึ้น ขณะที่ผิดหวังจากการที่การเจรจาเกี่ยวกับมาตรกรกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ยังไม่มีความคืบหน้า

การดีเบตรอบแรก จะเริ่มขึ้นในวันนี้ เวลา 08.00 น.ตามเวลาของประเทศไทย

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,335.47 จุด ลดลง 16.13 จุด, -0.48%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,085.25 จุด ลดลง 32.28 จุด, -0.29%

นักวิเคราะห์จากดอยช์แบงก์ระบุว่า การดีแบตในครั้งนี้มีความสำคัญเพราะจะบ่งชี้โอกาสที่แต่ละคนจะกำหนดทิศทางการเลือกตั้ง ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การเลือกตั้งมีนัยะต่อหุ้นหลายกลุ่ม โดยเฉพาะเฮลธ์ร์ พลังงานสะอาดและกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และคาดว่าพรรคเดโมแครตจะกวาดที่นั่งทั้งในทำเนียบขาวและสภาคองเกรสทั้งสภาบนและสภาล่างซึ่งจะส่งผลบวกต่อผลกำไรของหุ้นในดัชนี S&P 500 ตลอดทั้งปี 2024

หลายฝ่ายมองว่าหากไบเดนชนะการเลือกตั้งโอกาสที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่เพื่อบรรทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสจะมีมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น แต่หากหันกลับมาใช้มาตรการคลังแบบตึงตัวเร็วเกินไปก็จะเป็นความเสี่ยงของตลาด

ทางด้านพรรคเดโมแครตเผยวงเงินมาตรการที่ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ต่ำกว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ที่สภาอนุมัติในเดือนพฤษภาคม ขณะที่นางแนนซี เพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรเปิดเผยว่า การเยียวยาจะครอบคลุมการช่วยเลหือโรงเรียน ธุรกิจขนาดเล็ก ร้านอาหาร พนักงานสายการบินและคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงกับทำเนียบขาวได้ โดยจะเริ่มการเจรจาครั้งใหม่กับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังในวันพุธนี้

หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินปรับตัวลดลงแม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลลง 2.94% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.75% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.15% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 2.12% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 2.36% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ลดลง 0.84%

Conference Board เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 15.5 จุดมาที่ระดับ 101.8 จาก 86.3 เดือนสิงหาคม เป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2003

กระทรวงพาณิชย์เผย การขาดดุลการค้าเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 3.5% มาที่ระดับ 82.9 ล้านดอลลาร์ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.1% มาที่ระดับ 201.3 พันล้านดอลลาร์ และการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.8% มาที่ระดับ 118.3 พันล้านดอลลาร์

เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ เผยผลสำรวจ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 4.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มธนาคารที่ลดลง 2.1% นักลงทุนจับตาการดีเบตรอบแรกระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตรอบแรก รวมทั้งการออกมาตรการเยียวยาชุดใหม่ของสหรัฐฯ ขณะที่ยังคงกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่

นอกจากนี้อังกฤษและสหภาพยุโรปยังไม่บรรลุข้อตกลง Brexit หลังจากการเจรจาล่าสุดในวันจันทร์

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซนเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นมาที่ 91.1 จาก 87.5 ในเดือนสิงหาคม ส่วนในอังกฤษความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นมาที่ 83.0 จาก 75.1 ในเดือนสิงหาคม

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 361.49 จุด ลดลง 1.90 จุด, -0.52%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิด 5,897.50 จุด ลดลง 30.43 จุด, -0.51%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,832.07 จุด ลดลง 11.20 จุด, -0.23%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,825.82 จุด ลดลง 45.05 จุด, -0.35%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.31 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 39.29ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 41.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 3% กังวลผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกพุ่ง