HoonSmart.com>>บริษัท วิลล่า คุณาลัย หรือ KUN เป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์เพียงไม่กี่ตัว ที่สามารถทำกำไรงวดไตรมาสที่ 2/2563 เติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เอาชนะภาวะล็อกดาวน์ประเทศได้สำเร็จ แถมยังมียอดขายพร้อมโอนข้ามไปถึงปี 2564 และยังมีความมั่นใจในการลงทุนขยายทำเลทอง ทิศที่สามของกรุงเทพฯแล้ว เป็นเพราะ 3 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.การวางโมเดลธุรกิจที่ค่อยๆเปิด และเร่งได้ทุกเวลา 2. นำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและ3.การมีที่ปรึกษาชั้นยอด…
“ประวีรัตน์ เทวอักษร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย เล่าให้ฟังว่า ในช่วงที่เกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 ได้ถามคุณพ่อและคุณแม่ (ปกรณ์-อารีย์ ศังขวณิช เจ้าของบริษัทคุณาลัย) ที่ให้คำปรึกษาลูกๆ ถึงสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้รับคำตอบว่า หลังเกิดวิกฤตการณ์ทุกครั้ง จะขายบ้านได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นในช่วงวิกฤตการณ์เศรษฐกิจปี 2540 และน้ำท่วมครั้งใหญ่ บริษัทจึงระดมทีมก่อสร้างและทำการตลาด ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ ทั้งลูกค้าในพื้นที่ จ.นนทบุรี-ฉะเชิงเทราและในกรุงเทพเพิ่มขึ้นมาก คาดว่ายอดขายในปีนี้จะเข้าเป้าหมาย 1,300 ล้านบาท จากครึ่งปีกวาดไปแล้ว 760 ล้านบาท และยังมีความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สามารถรองรับการเติบโตในอนาคตด้วย
” ทีมขายพร้อมสู้ ไม่หยุดทำการตลาด ในช่วงนั้น เพียงสองวัน เสาร์และอาทิตย์ สามารถขายได้ถึง 19 หลัง หากเป็นภาวะปกติ ขายได้เดือนละ 40 หลัง ลูกค้าตัดสินใจง่ายมาก และฐานลูกค้ามีความหลากหลายขึ้น ”
จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าในช่วงล็อกดาวน์ ลูกค้ามีเวลาในการค้นหาข้อมูล และการทำงานอยู่ที่บ้าน เมื่ออยู่ด้วยกัน อาจจะรู้สึกว่าคับแคบ ต้องขยับขยาย ทำให้วิลล่า คุณาลัยเป็นทางเลือกหนึ่ง จากการมีสินค้าหลากหลาย ในราคาที่โดนใจ ขนาด 3 ล้านบาท มีพื้นที่ขนาดนี้ เมื่อเลือกเป้าหมายแล้ว ก็มาเยี่ยมชมโครงการทั้งครอบครัวสามารถตัดสินใจได้เร็ว และมีเวลามากกว่าสถานการณ์ปกติ ทั้งนี้ณ สิ้นเดือนมิ.ย. มีจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการรวม 992 ราย คิดเป็น 62% ของเป้าหมายทั้งปี 1,600 ราย
นอกจากนั้น นับเป็นจังหวะที่ดีของบริษัท ที่ตัดสินใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) มีเงินสดแข็งแรง หลังจากเพิ่งขายหุุ้น IPO และนำหุ้นเข้าซื้อขายในวันที่ 17 ธ.ค.2562 สามารถเดินหน้าลงทุนได้ โดยไม่ต้องพะวงหลัง ระดมทีมก่อสร้าง เร่งสร้างและนำเสนอสินค้าออกมาตามที่ลูกค้าต้องการ โดยพยายามเก็บเงินสดให้มากที่สุด บริหารกระแสเงินสดได้ดี บริษัทยังมีโอกาสในการเติบโตได้ด้วยความแข็งแรง แม้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) แทบจะไม่ได้ขึ้นเลย อยู่ที่ 1.13 เท่า อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น(ROE) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 11.73% และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์(ROA) อยู่ที่ 5.62% จากการบริหารค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง
ขณะเดียวกัน บริษัทไม่ได้ประมาท แต่ก็ไม่ได้กังวลต่อยอดปฎิเสธสินเชื่อมากนัก บริษัทจัดทำประมาณการยอดปฎิเสธสูงสุดที่ยอมรับได้ไว้ที่ 50% เพื่อผลักดันยอดขายและรายได้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย
” ในช่วงโควิดระบาดหนักๆ เราประเมินภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หรือ worst case อยู่ตรงไหน และสามารถผ่านพ้นไปได้ไหม จึงเป็นที่มาของกลยุทธ์ในการขาย เพื่อรองรับการถูกปฎิเสธสินเชื่อถึง 50% ที่ผ่านมาลูกค้าถูกปฎิเสธ 20% เรายังเติบโตได้ แต่จะต้องรีบสร้างและรีบโอน
“ประวีรัตน์” ยังกล่าวอีกว่า บริษัทสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นในภาวะเช่นนี้ได้ มาจากการวางโมเดลธุรกิจ คือการซื้อที่ดินแปลงใหญ่มาก หากตลาดไม่ดี สามารถค่อยๆเปิดโครงการได้ แต่เมื่อสินค้าที่สร้าง ขายหมด ก็สามารถเร่งออกใหม่มาทดแทน บริษัทจึงเร่งเปิดโครงการพริม เมื่อเดือนเม.ย. ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก ขายได้ 83 ยูนิต 251 ล้านบาท เพียงช่วง 3 เดือนเท่านั้น
ขณะเดียวกัน การขยายทำเลใหม่ ทิศที่ 2 ของกรุงเทพ ไปที่จ.ฉะเชิงเทรา ถือว่าตัดสินใจถูกต้องมาก ในปีนี้ทยอยส่งมอบโครงการคุณาลัย จอย ออน 314 สร้างยอดขายเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีลูกค้า 30 ครอบครัวย้ายเข้ามาแล้ว มีทั้งคนจากกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง
สำหรับการเปิดทำเลใหม่ ทิศที่ 3 บริษัทได้ปักธงไว้แล้ว อยู่ระหว่างการซื้อที่ดิน ซึ่งจะรองรับการเติบโตได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 2564- 2566) เชื่อมั่นว่ามีศักยภาพการเติบโตและมีความต้องการแหล่งที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม
บริษัทใช้จุดขายคุ้มค่าน่าซื้อ และตอบโจทย์ความต้องการ โดยมีการสอบถามข้อมูลและปรับปรุงตามความต้องการของลูกค้า ปรับเปลี่ยนดีซายน์ให้ดูเป็นบ้านทันสมัย ตอบโจทย์การใช้ชีวิต แต่ฟังก์ชั่นการใช้งานไม่ได้เปลี่ยนเพราะเป็นจุดแข็ง ระดับราคาบ้านประมาณหลังละ 2-3 ล้านบาท ยังมีความต้องการอยู่สูง แต่จะมีการจ้างเอาท์ซอส เป็นที่ปรึกษาในการดีไซน์ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น
” เรายังคงขยายการลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว และทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) เพื่อให้ KUN เป็น”หุ้นปลอดภัย” ผู้บริหารให้ความสำคัญกับผลประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น ตั้งใจจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ มีนโยบายไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ปีนี้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.03 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก โดยส่วนตัว เมื่อมีเงินเหลือ ก็จะทยอยเข้าซื้อหุ้น KUN อย่างต่อเนื่อง เพราะมีความมั่นใจในเรื่องของการเติบโต ปัจจุบันมีสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนามูลค่า 2,723 ล้านบาท จำนวน 850 ยูนิต สามารถรับรู้รายได้ 2-3 ปีข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น และแหล่งที่มาของรายได้กระจายมากขึ้น ปีนี้มาจากนนทบุรีประมาณ 85% ฉะเชิงเทรา 15% ช่วยกระจายความเสี่ยงจากที่เคยมาจากนนทบุรีมากกว่า 90% “ประวีรัตน์กล่าวทิ้งท้าย