AOT ดิ่ง 4% หนีต่อเวลาช่วยลูกค้า ซ้ำท่องเที่ยวตปท.สลบ กดรายได้ 64-65

HoonSmart.com>>ช็อคอีกรอบ!ท่าอากาศยานไทยต่อเวลาช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินยาวถึง 31 มี.ค.65 ฉุดรายได้ปี 64-65 หดตัวมากขึ้น ซ้ำเติมนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวเกินคาด นักลงทุนแห่เทกระจาดหุ้น AOT ดิ่งกว่า 4% ดัชนีโดยรวมทรุด หลุดแนวรับ 1,250 จุด สถาบัน-ต่างชาติทิ้ง กว่า 3,887 ล้านบาท ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยยัน 1,200 เอาอยู่ แนะซื้อหุ้นเล็ก กลุ่ม อาหาร-สุขภาพ-ค้าปลีก รอเงินนอกไหลเข้าปลายปี ส่วนราคาทองคำลง 400 บาท “พวรรณ์” แห่งวายแอลจีฯมองขาขึ้น ตอนนี้ 1,850 เหรียญ ปลายปีนี้เห็น 2,000 เหรียญ ปีหน้า 2,200 เหรียญ

วันที่ 24 ก.ย. นักลงทุนพร้อมใจกันเทกระจาดหุ้น AOT (ท่าอากาศยานไทย) ตั้งแต่เปิดตลาด จนลงไปต่ำสุด 56 บาท ก่อนปิดที่ 56.50 บาท -2.50 บาทหรือ -4.24% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,778 ล้านบาท หลังจากบริษัทตัดสินใจขยายเวลาช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินจากสิ้นปีนี้ออกไปถึงวันที่ 31 มี.ค.65 หรือวันที่ผู้ประกอบการและสายการบินแจ้งขอกลับเข้ามาประกอบกิจการแล้วแต่วันใดจะถึงก่อน ซึ่งจะทำให้รายได้ลดลงมากกว่าที่เคยประมาณการไว้

AOT เคยคาดการณ์ว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือฯจนถึงสิ้นปีนี้ ทำให้ในปี 2564 จะมีรายได้ลดลงถึง 42.21% จากปีงบประมาณ 2563 ครั้งนี้จะลดลงอีก 0.143% เป็น 42.353% หากขยายเวลาออกไปถึง 31 มี.ค. 65  ส่วนในปี 2565 เคยคาดว่ารายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 188.13% ก็จะลดลง 0.010% จากที่ประมาณการไว้เดิม ขณะที่ผลงานไตรมาสที่ 3 (สิ้นสุด 30 มิ.ย.63) ขาดทุนถึง 2,934 ล้านบาท และรวม 9 เดือนเหลือกำไรสุทธิ 8,048 ล้านบาท ทรุดลง 11,857 ล้านบาท หรือเกือบ 60%จากที่มีกำไรสุทธิ 19,905 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดตัวเลขนักท่องเที่ยวปี 2563-2564 ลง จากเดิม 8 ล้านราย เป็น 6.7 ล้านราย และ 16.2 ล้านราย เป็น 9 ล้านราย ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม บล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น AOT ราคาเป้าหมาย 64 บาท/หุ้น เพราะผลกระทบต่อราคาหุ้นยังจำกัด แม้มีความเสี่ยงเรื่องการล่าช้าของการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ, การลงทุนมากกว่าคาด, การต่อขยายสนามบินที่ล่าช้า และการต่อสัมปทานที่เงื่อนไขแย่ลง

สำหรับภาพการลงทุนโดยรวม ดัชนีหุ้นไทยยังคงทรุดลงแรง ปิดที่ระดับ 1,247.46 จุด -16.55 จุด หรือ -1.31% มูลค่าการซื้อขาย 56,230.84 ล้านบาท แรงขายยังคงมาจากสถาบันไทย 2,605 ล้านบาท ต่างประเทศขาย 1,282 ล้านบาทและบัญชีบล.ขาย 330 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 24,195.39 ล้านบาท

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) จัดเสวนา “เจาะกลยุทธ์การลงทุนหุ้น ทองคำ ตราสารหนี้ กองทุน ในช่วง Covid19” เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2563 โดยนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บล.ทิสโก้ คาดว่าดัชนีที่บริเวณ 1,200 จุด จะสามารถทรงตัวได้ไม่หลุด และหุ้นยังน่าสนใจ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนปันผลเฉลี่ย  3% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ย คาดว่าช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ได้ผลบวก ทำให้หุ้นไทยในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 64 จะสามารถปรับขึ้นได้

“กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นขนาดเล็ก แนะนำกลุ่มอาหาร กลุ่มสุขภาพ และกลุ่มค้าปลีกและบริโภค ส่วนหุ้นต่างประเทศแนะนำตลาดหุ้นจีน เนื่องจากมีความโดดเด่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ” นายไพบูลย์กล่าว

ส่วนราคาทองคำที่ลดลงถึงบาทละ 400 บาทในวันนี้ นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (YLG) เปิดเผยว่า ภาพรวมทองคำเคลื่อนไหวแบบแกว่งตัวปรับขึ้น ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 1,850 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ประเมินปลายปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 เหรียญสหรัฐและปี 2564 ที่ 2,200 เหรียญสหรัฐ บนความคาดหวังการซื้อทองคำในเทศกาลการซื้อทองของอินเดีย ที่เริ่มหลังเดือน ต.ค. นี้ และการซื้อจากจีน มองว่าหลังการเลือกตั้งของสหรัฐราคาจะเริ่มปรับเพิ่มขึ้นได้ โดยประเมินแนวรับแรกที่ระดับ 1,800 เหรียญสหรัฐ  และแนวรับถัดไปที่ 1,750 เหรียญสหรัฐ