ปีทองของ”แสนสิริ” ยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปี ครึ่งปีแรกทะลัก 2.4 หมื่นล้านบาท โต 62% คาดทะลุเป้าหมาย 4.5 หมื่นล้านบาท เล็งออกหุ้นกู้ 3 ปี ดอกเบี้ยประมาณ 3-3.25%
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายของปีนี้ จากเดิมที่ตั้งไว้จำนวน 45,000 ล้านบาท โดย 6 เดือนแรกทำได้จำนวน 24,000 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 53% ของเป้าหมาย เฉพาะไตรมาส 2 มียอดขายสูงถึง 17,216 ล้านบาท จากไตรมาสแรกจำนวน 6,784 ล้านบาท เนื่องจากสามารถปิดโครงการขายคอนโดมิเนียมทันทีในวันแรกที่เปิดพีเซล
“บริษัทฯสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในรอบ 34 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา หลังจากยอดขาย 6 เดือนเติบโต 62% โดยขายดีทุกโครงการ ส่วนเป้าหมายใหม่จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไร ขอรอดูผลงานตอนกลางไตรมาส 3 ก่อน ถ้าทำได้ประมาณ 70-80% ของเป้หมาย ก็จะทราบตัวเลข ทั้งนี้ยอดขายที่จะปรับเพิ่มขึ้นก็จะมีผลต่อเนื่องถึงรายได้ที่จะรับรู้รายได้ด้วย “นายวันจักร์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังได้เพิ่มงบในการซื้อที่ดินอีก 4,000 ล้านบาทในปีนี้ จากงบที่ตั้งงบไว้ทั้งหมด 1.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากได้ใช้ซื้อที่ดินหมดแล้ว ซึ่งงบที่ดินที่เพิ่มนั้นจะนำไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ แบรนด์สิริ เพลส เป็นส่วนใหญ่ เน้นทำเลกรุงเทพฯรอบนอก พร้อมทั้งจะใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงงานพรีคาสต์ เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 8 แสนตารางเมตร/ปีในไตรมาส 4 นี้ กำลังการผลิตเดิม 5 แสนตารางเมตรใช้เต็มแล้ว
สำหรับแหล่งเงินทุน นายวันจักร์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี คาดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 3.00-3.25% ต่อปี เพื่อใช้เงินส่วนหนึ่งทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนส.ค.นี้ จำนวน 2,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยประมาณ 5%ต่อปี และใช้สำหรับการขยายงานอีกส่วนหนึ่ง
นอกจากนั้นบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพิ่มตามความเหมาะสม เพื่อเป็นการล็อกต้นทุนดอกเบี้ยก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้น ปัจจุบันต้นทุนการเงินของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 3.65-3.7%
นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการเงินและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท แสนสิริ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นของแสนสิริพัฒนาเอง 2.67 หมื่นล้านบาท และโครงการร่วมทุนกับบีทีเอสและโตคิว 2.69 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ของแสนสิริจะรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังอีก 1.1 หมื่นล้านบาท ในครึ่งปีหลังจะมีโครงการใหม่ที่สร้างเสร็จเตรียมทยอยโอน 4 โครงการ ทำให้มั่นใจรายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ 8-10% ในปีนี้ ใกล้เคียงกับปีก่อนอยู่ที่ 9%
ทางด้านส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนในปีนี้คาดจะรับเข้ามาประมาณ 700-800 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน แต่อัตรากำไรสุทธิของบริษัทอาจจะมีแรงกดดันบางส่วนจากต้นทุนการขายที่เพิ่มขึ้น จากการเปิดโครงการมากขึ้นและการขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติผ่านเอเจนซี่ ซึ่งต้องจ่ายค่าคอมมิชชัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อการขายและบริหารเพิ่มเป็น 18-20% ในปีนี้ แต่ถือว่าไม่ได้เป็นปัจจัยที่กดดันอัตรากำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ