SAWAD เก็งกำไรวอลุ่มแน่น โบรกฯ ชี้เป้า “ซื้อ” ธุรกิจฟื้นตัวดีครึ่งปีหลัง

HoonSmart.com>> นักลงทุนเก็งกำไรหุ้น SAWAD วอลุ่มแน่น ราคาบวกกว่า 2% “บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส” มองธุรกิจฟื้นครึ่งปีหลัง ผลประกอบการดีขึ้น ปล่อยสินเชื่อเพิ่มหลังปลดล็อกดาวน์ เข้าสู่ไฮซีซั่นธุรกิจหนุนรายได้โต ด้านสำรองหนี้คาดลดลงหลังตั้งไว้มากครึ่งปีแรก แนะนำ “ซื้อ” เป้า 57 บาท

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น SAWAD (ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น) เช้าวันที่ 23 ก.ย.63 นักลงทุนเก็งกำไรวอลุ่มแน่นติดท็อปไฟว์ ณ เวลา 10.09 น. ราคาอยู่ที่ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท หรือ 2.04% มูลค่าการซื้อขาย 189.91 ล้านบาท จากราคาเปิด 49.50 บาท ย่อตัวลงแตะ 49.25 บาทไม่นาน ราคาขยับขึ้นไปแตะสูงสุด 50.25 บาท

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำซื้อ SAWAD มองธุรกิจฟื้นตัวดีในครึ่งปีหลังปี 63 คาดผลประกอบการไตรมาส 3/63 มีแนวโน้มดีขึ้น จากปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นหลังปลด Lockdown และเข้าสู่ช่วง High season ของธุรกิจ ทำให้รายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น การตั้งสำรองฯคาดลดลงในครึ่งปีหลังปี 63 เพราะตั้งไปมากแล้วในครึ่งปีแรกปี 63

นอกจากนี้เปิดสาขาเพิ่มต่อเนื่อง บริษัทเปิดสาขา 60 แห่งในไตรมาส 2/63 ทำให้มีสาขาทั้งหมด 4,210 แห่งในสิ้นมิ.ย.63 และบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อ +20% ในปีนี้ เพราะ 1) ไทยควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี, 2) จะไม่ได้มีเม็ดเงินอัดฉีดจากรัฐบาลสู่ภาคครัวเรือนจำนวนมากเหมือนใน 2Q63 ทำให้ความต้องการใช้สินเชื่อจำนำจะเพิ่มขึ้น

รายได้ค่าธรรมเนียมคาดฟื้นตัวในไตรมาส 4/63 โดยในช่วงโควิดบริษัทพักการเก็บค่าธรรมเนียม แต่ไม่ได้ยกเว้นให้ ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมชำระเงินล่าช้าด้วย บริษัทคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในไตรมาส 4/63

ผู้บริหารคาดว่า NPL ratio จะไม่เกิน 6% ของสินเชื่อรวม ทั้งนี้ ณ สิ้นมิ.ย.63 NPL ratio ลดลงเป็น 4.2% จาก 5.4% ในสิ้นไตรมาส 1/63 ส่วน Coverage ratio เพิ่มเป็น 93.3% ในสิ้นมิ.ย.63 จาก 72.6% ในสิ้นไตรมาส 1/63 และมีสินเชื่อราว 15% ของทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรการผ่อนปรนของธปท.เฟส 2 คือ ขยายเวลาชำระหนี้ไปอีก 4-8 เดือน ส่วนมาตรการธปท.เฟส 1 บริษัทไม่ได้เข้าร่วมโครงการมากนัก บริษัทได้ซอฟท์โลนจากธนาคารออมสิน 1.6-2.0 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2% ซึ่งจะเบิกเข้ามาใช้ในไตรมาส 3/63

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้ราคาพื้นฐาน 57 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ที่ 3.54 เท่า โดยบริษัทยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถเรียกเก็บหนี้ได้และมี NPL ratio ไม่เกิน 6% ของสินเชื่อรวม ส่วนการแข่งขันจากธนาคารออมสินไม่น่ากังวลเพราะสาขาของออมสินมีเพียง 1 พันแห่ง ขณะที่บริษัทมี 4 พันแห่งทั่วประเทศ และลูกค้าเป้าหมายของธนาคารออมสินก็คนละกลุ่มกันกับของบริษัท ส่วนอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่ลงมาเป็น 24% (จากเดิม 28%) ตามเกณฑ์ธปท.ก็กระทบกับสินเชื่อใหม่ที่ปล่อยตั้งแต่ 1 ส.ค.63 เท่านั้น ซึ่งบริษัทเห็นว่าสามารถบริหารจัดการได้

สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค – ระยะสั้นราคาหุ้นอยู่ในโมเมนตัมบวก (อยู่เหนือ SMA10 ได้) การซื้อใหม่แนะนำซื้อตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้น แนวต้านระยะสั้น 51-52, 55 บาท จุด Stop loss คือหลุด 47 บาท โดยมีสิทธิลงไปที่ 45, 42-40 บาท