ดาวโจนส์ปิดบวก 140 จุด แรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวด์ ดาวโจนส์ปิดบวก 140 จุด แรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 22 กันยายน 2563 ที่ 27,288.18 จุด เพิ่มขึ้น 140.48 จุด หรือ 0.52% จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG นำโดยแอมะซอนและแอปเปิล ด้วยแรงซื้อที่กลับเข้ามา แต่การปรับขึ้นถูกจำกัดด้วยความกังวลต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,315.57 จุด เพิ่มขึ้น 34.51 จุด, +1.05%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,963.64 จุด เพิ่มขึ้น 184.84 จุด, +1.71%

หุ้นแอมะซอน เพิ่มขึ้น 5.69% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทแบร์สเติร์นได้ปรับคำแนะนำการลงทุนเป็น outperform หุ้นเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 2.66% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 2.08% หุ้นแอปเปิล บวก 1.57%หุ้นgoH9a]bd:Nเพิ่มขึ้น 0.78%

นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังจากเสียชีวิตของผู้พิพากษาศาลสูง ในระหว่างนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่ยังล่าช้าเพราะพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันยังตกลงเรื่องวงเงินและรูปแบบไม่ได้

ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลาง (เฟด) โดยจะให้ข้อมูลต่อคณะอนุกรรมการประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธ และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐฯ

เมื่อวันวานนี้ นายพาวเวลล์ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรพร้อมกับนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีคลัง โดยนายพาวเวลกล่าวว่า เฟดยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ไปตลอดเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และเพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ

นายพาวเวลล์กล่าวอีกว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสสองซึ่งเป็นผลจากการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส โดยเห็นได้จากตัวชี้วัดต่างๆที่ดีขึ้น การจ้างงานและกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าระดับก่อนการระบาด และการฟื้นตัวในระยะต่อไปยังมีความไม่แน่นอนสูง

นายพาวเวลล์ยังกล่าวว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจอาจจะแย่ลงในระยะต่อไปหากไม่มีมาตรการทางการคลังมาสนับสนุน

นอกจากนี้การให้ความเห็นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกยังเรียกความสนใจจากตลาด โดยนายอีแวนส์กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยอาจจะปรับขึ้นก่อนที่เงินเฟ้อจะแตะระดับเป้าหมาย 2% แต่นโยบายการเงินยังคงแนวทางการสนับสนุน รวมทั้งไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอัดฉีดเงินเข้าระบบเพิ่มเติมมากกว่าการซื้อพันธบัตรที่ทำอยู่ในปัจุบัน และชี้ว่ามาตรการทางการคลังมีความจำเป็นเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวและกลับไปถดถอย

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ(NAR) เผย ยอดขายบ้านมือสองเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 2.4% มาที่ระดับ 6 ล้านยูนิต หรือเพิ่มขึ้น 10.5% จากระยะเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 14 ปีนับตั้งแต่ปี 2006

หุ้นเทสลาลดลง 5.6% หลังจากอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดตัวเทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบใหม่ในงาน “Battery Day” แต่เทคโนโลยีใหม่นี้จะยังไม่สามารถผลิตได้จำนวนมากจนกว่าจะถึงปี 2565

หุ้นออราเคิล ปรับตัวลง 0.33% หลังจากโกลบอล ไทม์ส สื่อของจีนรายงานว่า รัฐบาลจีนไม่มีแนวโน้มที่จะอนุมัติข้อตกลงระหว่างไบต์แดนซ์ กับออราเคิลและวอลมาร์ทเกี่ยวกับการขายกิจการ TikTok ในสหรัฐ

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซที่ปรับขึ้น 1.7% แต่กลุ่มประกันภัยลดลง 1.2% ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ว่าจะมีผลต่อการเดินทางที่เข้มงวดอีกครั้งหลังจากมีแนวโน้มว่าหลายประเทศในยุโรปจะใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงขึ้น

ในอังกฤษ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ประกาศใช้มาตรการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและมาตรการด้านสาธารณสุข เพราะประเทศมาถึงจุดที่ล่อแหลม โดยสั่งให้บาร์ ร้านอาหารปิดในช่วง 22.00 น. -05.00 น. รวมทั้งเพิ่มรายชื่อสถานที่ที่ต้องมีการบังคับให้สวมหน้ากากและจำกัดจำนวนคนที่ทำกิจกรรม โดยมาตรการนี้อาจจะใช้บังคับนาน 6 เดือน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 357.55 จุด เพิ่มขึ้น 0.73 จุด, +0.20%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิด 5,829.46 จุด เพิ่มขึ้น 25.17 จุด, +0.43%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,772.84 จุด ลดลง 19.20 จุด, -0.4%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,594.39 จุด เพิ่มขึ้น 51.95 จุด, +0.41%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ปิดที่ 39.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ปิดที่ 41.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล