ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 500 จุด วิตกล็อกดาวน์รอบใหม่

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 500 จุด วิตกล็อกดาวน์รอบใหม่จากสถานการณ์ไวรัส ตลาดหุ้นยุโรปร่วงยกแผง แรงขายหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินจากข่าวเสี่ยงโยกย้ายเงินผิดกฎหมาย ราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 4%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 21 กันยายน 2563 ที่ 27,147.70 จุด ร่วงลง 509.72 จุด หรือ 1.84% หลังจากที่ร่วงลงไป 900 จุด นักลงทุนวิตกว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเลวร้ายลง โดยเฉพาะในยุโรป รวมทั้งกังวลต่อจากความไม่แน่นอนของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,281.06 จุด ลดลง 38.41 จุด, -1.16%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,778.80 จุด ลดลง 14.48 จุด, -0.13%

ดัชนี DJIA ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 8 กันยายนซึ่งลดลง 2.3% ส่งผลให้เดือนนี้อ่อนตัวลงแล้ว 4.5%. ขณะที่ดัชนี S&P 500 อ่อนตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ลดลงติดต่อกัน 4 วัน และอ่อนตัวแล้วกว่าในเดือนนี้ 6% ส่วนดัชนี Nasdaq ลดลง 8.5% ตั้งแต่เดือนนี้

ตลาดกังวลต่อการระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด9 หลังจากมีรายงานว่าอังกฤษพิจารณาที่จะล็อกดาวน์ทั้งประเทศอีกครั้ง เพื่อสกัดการระบาด เพราะนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลระบุว่า หากไม่ดำเนินการใดๆ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจจะเพิ่มขึ้นถึง 50,000 ต่อวัน ส่งผลให้ดัชนี FTSE 100 ลดลงกว่า 3%

ขณะที่ในสหรัฐฯหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์รอบใหม่ โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ปลดลง 6.7%. หุ้นเซ้าท์เวสต์แอร์ไลน์ลดลง 5.8% และหุ้นเดลต้าแอร์ไลน์ลดลง 9.2%

นักวิเคราะห์ระบุว่า ประเด็นความปลอดภัยสาธารณสุขยังครอบงำตลาดและยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องวัคซีน ยังไม่มีวิธีการรักษา และยังหาทางที่จะรับมือกับวิกฤติ

นอกจากนี้การที่การเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่อาจจะล่าช้าออกอีกและเป็นประเด็นที่ซับซ้อนมากขึ้นหลังจากเสียชีวิตของผู้พิพากษาศาลสูง เพราะอาจจะมีผลต่อการอนุมัติมาตรการเนื่องจากกระบวนการเสนอชื่อคนใหม่ที่ค่อนข้างลำบากก่อนการเลือกตั้ง และนักวิเคราะห์คาดว่ามาตรการคงไม่ออกมาก่อนวันที่ 3 พฤศจิกายน เพราะรัฐบาลมุ่งไปที่การแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงก่อน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า จะเสนอชื่อภายในสัปดาห์นี้

การลดลงของตลาดยังมาจากการอ่อนตัวลงของกลุ่มธนาคารหลังมีรายงานว่า ธนาคารระดับโลกหลายแห่งเกี่ยวข้องกับการโอนเงินอย่างผิดกฎหมาย หุ้นดอยช์แบงก์ลดลง 8.5% หุ้นเจพี มอร์แกนลดลง 3.3%

ขณะเดียวกันตลาดได้รับแรงกดดันจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ยังคงเพิ่มมากขึ้น เมื่อกระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยรายชื่อ บริษัทที่เชื่อถือไม่ได้ หลังจากสหรัฐฯห้ามประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน WeChat และ TikTok

หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์(GM)ลดลง 4.8% หลังจากหุ้นนิโคลา (Nikola) ผู้ผลิตรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าลดลง 19.33% เนื่องจากนายเทรเวอร์ มิลตัน ผู้ก่อตั้งบริษัทลาออกจากตำแหน่งประธานบริหาร จากรายงานข่าวว่า คณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และกระทรวงยุติธรรมกำลังสอบสวนบริษัทฐานหลอกลวงนักลงทุน ทั้งนี้ GM ประกาศเป็นพันธมิตรกับนิโคลาเมื่อต้นเดือนนี้

หุ้นเทคโนโลยีฟื้นตัวเล็กน้อยจากที่ร่วงไปก่อนหน้านี้ โดยหุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 3%หุ้นเน็ตฟลิกซ์เพิ่มขึ้น3.7%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มธนาคารที่ลดลง 5.7% หลังมีรายงาน ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั่วโลกได้ปล่อยให้มีการโยกย้ายเงินผิดกฎหมายจำนวนมาก และจากการลดลง 5.2% ของกลุ่มเดินทาง ที่เกิดจากความวิตกสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก

ในอังกฤษนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลระบุว่า หากไม่ดำเนินการใดๆ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจจะเพิ่มขึ้นถึง 50,000 ต่อวันภายในกลางเดือนตุลาคม

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 356.82 จุด ลดลง 11.96 จุด, -3.24%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิด 5,804.29 จุด ลดลง 202.76 จุด, -3.38%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,792.04 จุด ลดลง 186.14 จุด, -3.74%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,542.44 จุด ลดลง 573.81 จุด, -4.37%

หุ้นโรลล์รอยซ์ ลดลง 10.8% หลังประกาศแผนระดมทุน 2.5 พันล้านยูโรเพื่อเสริมฐานะการเงิน หุ้น IAG บริษัทแม่ของบริติชแอร์เวย์ลดลง 12.1 จากความวิตกต่อการระบาดของไวรัส

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 4.4% ปิดที่ 39.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง ลดลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 41.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบร่วงกว่า 4% ดิ่งตามตลาดหุ้นทั่วโลก