HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดบวก 36 จุด เฟดคงดอกเบี้ย 0%-0.25% ถึงปี 67 พร้อมใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้าน GDP ปีนี้คาดหดตัว 3.7% ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันพุ่งเกือบ 5%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 16กันยายน 2563 ที่ 28,032.38 จุด เพิ่มขึ้น 36.78 จุด หรือ 0.01% หลังจากธนาคารกลางส่งสัญญานว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำไปอีกอย่างน้อยถึงปี 2024 ไปจนกว่าเงินเฟ้อจะกลับมาสูงกว่าเป้าหมาย 2% เล็กน้อยได้สักช่วงหนึ่ง
อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มเทคโนโบยีปรับตัวลดลง 1.6% จากแรงขายทำกำไรส่งผลให้ทั้ง ดัชนี S&P 500 และ ดัชนี Nasdaq ปิดลบ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 3.27% หุ้นแอปเปิล ลดลง 2.95% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 2.45% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ลดลง 2.47%หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.79% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 1.5%
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,385.49 จุด ลดลง 15.71 จุด, -0.46%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,050.47 จุด ลดลง 139.85 จุด, -1.25%
การประชุมของเฟดครั้งนี้เป็นครั้งแรกหลังจากที่ปรับกรอบนโยบายการเงินเพื่อให้เงินเฟ้อเกิน 2%
ที่ประชุมเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0%-0.25% และส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2024 ในแถลงการณ์ระบุว่า” โดยที่เงินเฟ้อยังอยู่ที่ระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาว คณะกรรมการ นโยบายการเงินจึงตั้งเป้าที่จะให้เงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย 2% ระยะหนึ่งเพื่อที่จะให้เงินเฟ้อเกิน 2% ตลอดไป”
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวย้ำในการแถลงข่าวว่า “เรายังคงจุดยืนของนโยบายการเงินที่จะสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ รวมทั้งการบรรลุเป้าหมายการจ้างงาน
นายพาวเวลล์กล่าวว่า เฟดคาดว่าการว่างงานจะลดลงมาที่ 4% ภายในสิ้นปี 2023 และจะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยจนกว่าภาวะตลาดแรงงานจะเพิ่มขึ้นในระดับที่สม่ำเสมอสอดคล้องกับการประเมินการจ้างงานสูงสุดของคณะกรรมการ นอกจากนี้เฟดพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ รวมทั้งการจ้างงานและเสถียรภาพของราคา ตลอดจนยังคงซื้อสินทรัพย์ในระดับปัจจุบันหรือมากกว่านี้
นอกจากนี้คณะกรรมการยังได้ปรับประมาณการ GDP การว่างงานและเงินเฟ้ออีกด้วย โดย GDP ปีนี้หดตัว 3.7% ดีกว่า -6.5% ที่คาดไว้ในเดือนมิถุนายน ส่วนปี 2021 ปรับลดเป้า GDP มาที่ 4% ก 5% และลดคาดการณ์ปี 2022 มาที่ 3% จาก 3.5% และคาดว่า GDP จะขยายตัว 2.5% ในปี 2023
ส่วนการว่างงานคาดได้ปรับลดลงมาที่ 7.6% จาก 9.3% แต่อัตราว่างงานเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 8.4% และปรับเป้าเงินเฟ้อ 2020 มาที่ 1.2% จาก 0.8% ที่คาดไว้ในเดือนมิถุนายน
หลังการประกาศผลการประชุม ตลาดปรับตัวขึ้น แต่อ่อนตัวลงหลังจากนายพาวเวลล์ ประธานเฟดแถลงข่าว โดยกล่าวว่า การเพิ่มมาตรการสนับสนุนด้านการคลังยังคงจำเป็นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพราะยังมีอีกหลายด้านที่ยังประสบกับความยากลำบากและไม่สามารถฟื้นตัวหากไม่มีมาตรการช่วยเหลือ ขณะที่ยังมีคนว่างงานอีกราว 11 ล้านคน ส่วนคนที่ยังมีงานทำก็อยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส
นักวิเคราะห์ระบุว่า แถลงการณ์ของเฟดสะท้อนถึงแนวนโยบายที่ยังคงผ่อนคลายมากกว่าที่ตลาดคาดเป๋นการส่งสัญญานว่าเฟดยังคงสนับสนุนตลาด
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ หลังจากเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงมากกว่าคาด โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 4.25% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 2.89%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.88 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 40.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 1.69 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 42.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หุ้นเฟดเอ็กซ์ บริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.76%จาก กำไรไตรมาสแรก สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
กระทรวงพาณิชย์เผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.6% เป็นการปรับตัวติดต่อเป็นเดือนที่ 4
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเดือนกันยายนปรับตัวขึ้น 5 จุด สู่ระดับ 83 สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มเหมืองแร่กที่เพิ่มขึ้น 1.3% นักลงทุนรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะประกาศหลังปิดตลาด โดยยังคาดว่าจะยังคงนโยบายการเงินที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 373.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.17 จุด, +0.58%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,078.48 จุด ลดลง 27.06 จุด หรือ -0.44%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,074.42 จุด เพิ่มขึ้น 6.49 จุด หรือ +0.13%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,255.37 จุด เพิ่มขึ้น 37.70 จุด, +0.29%
หุ้น Zara เพิ่มขึ้นกว่า 7% หลังประกาศกลับมามีกำไรและยอดขายเพิ่มขึ้น