INGRS ขาดทุน Q2/63 กว่า 89 ลบ. โควิดฉุดรายได้ขายร่วง 43%

HoonSmart.com>> “อิงเกรส อินดัสเตรียล” เปิดงบไตรมาส 2/63 สิ้นสุด 31 ก.ค. พลิกขาดทุนสุทธิ 89 ล้านบาท ฉุดงวดครึ่งปีขาดทุนเพิ่มเป็น 154 ล้านบาท ผลกระทบ COVID-19 กระทบรายได้จากการขายลดลง 43% เหลือ 410 ล้านบาท

บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) หรือ INGRS เปิดเผยผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2563/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค.2563 ขาดทุนสุทธิ 89.60 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.062 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 8.94 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.006 บาท

ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 154.04 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.106 บาท จากงวเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 15.47 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.011 บาท

บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในงวดไตรมาส 2/63 จำนวน 409.96 ล้านบาท ลดลง 315.49 ล้านบาท หรือ -43.5% จากงวดปีก่อนมีจำนวน 725.45 ล้านบาท โดยรายได้ในไทยลดลงจำนวน 172.73 ล้านบาท หรือ -62.4% เหลือ 104.16 ล้านบาท มาเลเซียลดลง 54.61 ล้านบาท หรือ -15.8% เหลือ 294.19 ล้านบาท อินโดนีเซียลดลง 90.7% เหลือ 4.86 ล้านบาทและอินเดียลดลง 40.87 ล้านบาท หรือ -81.2% เหลือ 9.45 ล้านบาท

ขณะที่งวด 6 เดือน สิ้นสุด 31 ก.ค.2563 มีรายได้จากการขายจำนวน 843.58 ล้านบาท ลดลง 643.69 ล้านบาท หรือ -42.9% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีจำนวน 1,478.27 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน

การลดลงของรายได้จากการขายสืบเนื่องมาจากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว และส่งผลกระทบต่อความต้องการยานยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาคการผลิตและการบริการส่วนใหญ่ของภูมิภาคเริ่มทยอยเปิดดำเนินการ บริษัทในเครือของ INGRS ในประเทศมาเลเซียได้เริ่มเปิดดำเนินการตามปกติเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2563 ภายหลังจากสิ้นสุดมาตรการควบคุมการเคลื่อนไหว (MCO)และในประเทศอินเดียได้เริ่มเปิดดำเนินการปกติเมือวันที่ 14 พ.ค.2563 ถึงแม้ว่าการผลิต ณ วันที่ 31 ก.ค.2563 ของบริษัทในเครือดังกล่าวจะยังไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร

ผลของการประกอบการในเดือนพ.ค.-ก.ค.2563 ประเทศไทยและอินโดนีเซีย ถึงแม้ว่าจะไม่มีการปิดกิจการ แต่มีระดับการผลิตอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากบริษัทผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศไทยได้หยุดการผลิตจนถึงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ประเทศมาเลเซีย มีระดับการผลิตที่ต่ำมากในเดือนพ.ค.2563 อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตมีแนวโน้มที่ดีขึ้นนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา และในเดือนก.ค. การประกอบการเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนประเทศอินเดีย เนื่องจากอินเดียได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นอย่างมาก จึงมีระดับการผลิตที่ต่ำมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตเริ่มเพิ่มขึ้นนับจากเดือนก.ค.เป็นลำดับก.ค.2563 เป็นลำดับ

การลดลงของรายได้จากการขายอย่างมีนัยสำคัญในรอบระยะเวลา 3 เดือน เป็นปัจจัยหลักของการขาดทุน นอกจากนี้ ตัวเลขการผลิตในอุตสาหกรรมโดยรวม (TIP) ของประเทศไทยในช่วงเดือนพ.ค.- ก.ค.2563 ลดลง 58.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ทำให้บริษัท อิงเกรส ออโต้เวนเจอร์ จำกัด (IAV) และ บริษัท ไพน์ คอมโปรแนนท์ (ประเทศไทย) จำกัด (FCT) ในประเทศไทย ประสบภาวะขาดทุนประมาณ 45.65 ล้านบาท

การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ยังส่งผลกระทบต่อ PT Ingress Malindo Ventures (PTIMV) ในประเทศอินโดนีเซีย และ Ingress Autoventures (India) Pvt Ltd (IAIPL) ในประเทศอินเดีย เช่นเดียวกัน ทำให้ขาดทุนจำนวน 19.80 ล้านบาท และ 16.25 ล้านบาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการฟื้นตัวของการดำเนินการในประเทศมาเลเซียทำให้บรรเทาผลขาดทุนรวม

สำหรับไตรมาสที่ 2 ของกลุ่มบริษัท INGRS และเป็นที่คาดการณ์ว่า การดำเนินการในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 65% ในไตรมาสถัดไป และจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาสที่ 4

ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทออกหนังสือค้ำประกันให้แก่ (ก) ธนาคารกสิกรไทย เพื่อประกันการให้สินเชื่อจำนวน 8.79 ล้านบาท แก่บริษัท ไฟน์คอมโพเนนท์(ประเทศไทย) จำกัด และ (ข) บริษัท แฟคตอรี่แอนด์อีควิปเมนท์กสิกรไทย เพื่อประกันการให้สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรจำนวน 7.68 ล้านบาท แก่บริษัท ไฟน์คอมโพเนนท์(ประเทศไทย)

รวมทั้งอนุมัติการเสนอขายที่ดินเปล่าของบริษัท ไฟน์คอมโปรแนนท์ (ประเทศไทย) ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง มีเนื้อที่ดินประมาณ 23-1-95.5 ไร่ โดยมีราคาเสนอขาย 93.95 ล้านบาท หรือไร่ละ 4 ล้านบาท และอนุมัติการเสนอขายสิทธิการเช่าทีดิน และอาคารโรงงานของ PT Ingress Malindo Ventures ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมJababeka ประเทศอินโดนีเซีย มีเนื้อที่ดิน ประมาณ 12,271 ตารางเมตร และมีขนาดพื้นที่ของอาคารโรงงานประมาณ 7,000 ตารางเมตร โดยมีราคาเสนอขาย 50,000 ล้านรูเปียห์ หรือ 106,326,000 บาท

คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้อนุมัติให้เพิ่มทุนชำระแล้วขอ ง PT Ingress Industrial Indonesia (PT III) จากทุนชำระแล้วเดิม 32,750.06 ล้านรูเปียห์ เป็น 53,250.06 ล้านรูเปียห์ โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 1,464,286 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 14,000 รูเปียห์ และอนุมัติการเข้าร่วมลงทุนใน PT IIIของ TS Automotive Co. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทจัดตั้งในประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และการผลิตแม่พิมพ์โดยการจองซื้อหุ้นสามัญใหม่จำนวน 1,141,072 หุ้น ซึ่งเท่ากับ 30% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของทุนชำระแล้วของ PT III ภายหลังจากการเพิ่มทุนดังกล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท อิงเกรส ออโต้เวนเจอร์ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2563 อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 30 ล้านบาท แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท อิงเกรส ออโต้เวนเจอร์