3 โบรกฯ ประเมินราคาเหมาะสม KK ค้าปลีกภาคใต้กรอบ 1-1.54 บาท

HoonSmart.com>> 3 โบรกฯ ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น “เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น” สิงห์ค้าปลีกและค้าส่งแดนใต้ เตรียม IPO เข้าตลาดไตรมาส 4/63 เป้า 1.00-1.54 บาทต่อหุ้น แนวโน้มผลประกอบการเติบโต จากจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น ต้นทุนทางการเงินลด ด้าน P/E อยู่ระดับต่ำเฉลี่ย 17.5-18.5 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มบริการ

บริษัทหลักทรัพย์ เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจค้าปลีกดำเนินการผ่านร้านสาขาชื่อ “เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์” ซึ่งกำลังจะเปิดเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จํานวน 69 ล้านหุ้น ภายในไตรมาส 4/2563 โดยฝ่ายวิจัยระบุว่า ที่ผ่านมาธุรกิจของ KK ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอยู่ในทิศทางบวก

ทั้งนี้ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงปี 2563-2565 คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น ตามการขยายสาขาที่ 28 และ 31 สาขาในปี 2563-2564 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากได้รับค่าส่งเสริมการขายจาก Supplier มากขึ้น และค่าเช่าพื้นที่หัวชั้นและกองโชว์เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังจะนำเงินบางส่วนจาก IPO ไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้มีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง

KK มีจุดเด่น โดยเน้นทำเลที่มีศักยภาพในภาคใต้เป็นหลักมีจำนวน 28 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ จ.สงขลา,พัทลุง และสตูล อีกทั้งยังมีศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง เพื่อประกอบธุรกิจค้าส่งและกระจายสินค้าไปยังร้านสาขา ซึ่งหากเทียบกับคู่แข่งในขนาดใกล้เคียงกัน บริษัทนับเป็นผู้นำธุรกิจ Modern-Traditional Trade ใน จ.สงขลา จากจำนวนสาขาที่มากที่สุด ครอบคลุมในหลายพื้นที่ ทำให้มีข้อได้เปรียบและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่า

บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป ได้ประเมินราคาเหมาะสมของ KK ไว้ที่ 1.54 บาทต่อหุ้น อิงกับ Target PE ปี 2564 ที่ 18.5 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของบริษัท TNP ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัทฯ คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2564 ที่ระดับ 0.083 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็กประเมินมูลค่าด้วยวิธี P/E Ratio ที่ 18.0 เท่าเทียบเป็น PEG ที่ 1.2 เท่า ซึ่ง CAGR ระหว่างปี 2563F-2564F เฉลี่ย 15.4% ต่อปี โดยประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2563 ที่ราว 0.06 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 1.08 บาทต่อหุ้น และคาดหวังอัตราเงินปันผลที่ 2.7% ต่อปี(เทียบกับราคาเหมาะสม)

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น KK ในปี 2563 ที่ 1.00 บาท ด้วยวิธี PER Ratio ที่ 17.5 เท่า ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยคาดว่า 3 ปี ROE ในช่วง 2561-2563E ของ KK จะอยู่ที่ 13% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย ROE ของ บมจ.ธนพิริยะ (TNP) เล็กน้อยที่ 12%

อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกับบริษัท ธนพิริยะ (TNP) ที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเหมือนกัน ธุรกิจผลการดำเนินงานของ TNP ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานของ KK ยังคงเติบโตอยู่ในทิศทางบวก แม้ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ ยังคงมีอัตราการเติบโตของรายได้สาขาเดิม (Same store sales growth) เท่ากับ 4.02% ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 484.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 6.77 ล้านบาท

อ่านข่าว

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ฯ”