กกร.ปรับเป้าส่งออกปีนี้โต 7-10% สงครามการค้ากระทบน้อย

กกร.ระบุสงครามการค้ากระทบบ้างแต่ไม่มาก ปรับเป้าส่งออกปีนี้เป็น 7-10% ตามเศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่อเนื่อง พร้อมปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เป็นเติบโต 4.3-4.8%

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและคู่ค้า โดยเฉพาะจีน จะมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่อเนื่อง จะทำให้การส่งออกของไทยปีนี้เติบโตที่ 7-10% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 5-8% ส่วนปีหน้าผลกระทบจากสงครามการค้าน่าจะมากกว่าเดิม แต่เนื่องจากนโยบายการค้าของสหรัฐยังไม่นิ่ง จึงต้องรอประเมินผลกระทบอีกครั้ง

“เศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่อเนื่อง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า จะส่งผลดีต่อการส่งออก ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ หากมูลค่าการส่งออกอยู่ 2.1-2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน ก็คาดว่าการส่งออกจะเติบโตตามเป้าหมายที่กกร.วางไว้ที่ 7-10%”นายปรีดีระบุ

นายปรีดี กล่าวว่า การส่งออกและการท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดี การลงทุนเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น และการบริโภคในประเทศในประเทศที่ดีขึ้น เนื่องจากรายได้ภาคเกษตรที่ดีขึ้น และเริ่มเห็นการกระจายตัวของรายได้ไปยังเศรษฐกิจระดับฐานรากมากขึ้น ทำให้กกร.ปรับเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น 4.3-4.8% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 4-4.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 0.9-1.5% จากคาดการณ์เดิม 0.7-1.2%

นายปรีดี กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ประเด็นความเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ สงครามการค้าโลก และความผันผวนของค่าเงิน ซึ่งกกร.มองว่าเศรษฐกิจไทยที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ จะสามารถรองรับผลกระทบต่างๆที่เกิดขึ้นได้ ส่วนการลงทุนภาครัฐที่ล่าช้านั้น คงต้องติดตามกันต่อไป เนื่องจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่มีขั้นตอนมาก ขณะที่การลงทุนโครงการขนาดเล็กที่มีอุปสรรคในการเบิกจ่ายตามกฎหมายใหม่ คงต้องให้เวลาผู้เกี่ยวข้องปรับตัวอีกระยะ

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการบริโภคระดับฐานราก เห็นได้จากยอดขายรถกระบะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ ยกเว้นผู้ปลูกยางพาราและน้ำมันปาล์ม มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบกรณีที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนนั้น จะทำให้สินค้าจีนทะลักเข้าไทยและอาเซียนมากขึ้น ซึ่งในส่วนของไทยก็ต้องติดตามว่าภาครัฐจะมีมาตรการดูแลสินค้าจีนอย่างไร

นอกจากนี้ กกร.ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยศึกษาผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 ที่มีต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี รวมทั้งเสนอแนะมาตรการเยียวยา ซึ่งการศึกษาจะแล้วเสร็จใน 4-6 เดือน และเสนอให้กกร.ต่อไป

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน มีทั้งผลดีและผลเสียต่อผู้ประกอบการไทย โดยหากเป็นสินค้าประเภทวัตถุดิบ จะทำให้ผู้ประกอบการไทยมีต้นทุนลดลง แต่หากเป็นสินค้าปลายน้ำ ภาครัฐจะต้องมีมาตรการดูแลไม่ให้สินค้าจากจีนเข้ามาทุ่มตลาดในไทย