ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 450 จุด วัคซีนต้านโควิดคืบ จ้างงานเอกชนต่ำกว่าคาด

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 450 จุด รับความคืบหน้าวัคซีนต้านโควิด-19 สร้างความหวังนักลงทุน ท่ามกลางจ้างงานเอกชนต่ำกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรปบวกยกแผง ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกว่า 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 2 กันยายน 2563 ที่ 29,100.50 จุด เพิ่มขึ้น 454.84 จุด หรือ 1.59% จากความคืบหน้าของการพัฒนาและทดสอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนมีความหวัง แม้ข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ต่ำกว่าคาด บ่งชี้การฟื้นตัวที่ช้า

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,580.84 จุด เพิ่มขึ้น 54.19 จุด,+1.54%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,056.44 จุด เพิ่มขึ้น 116.77 จุด, +0.98%

ปัจจัยบวกหลายตัวหนุนการลงทุนในตลาด ตั้งแต่การเริ่มกลับไปเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร แม้ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นไม่ตรงกันในหลายประเด็น รวมไปถึงความเห็นของดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อที่ว่า การรักษาโรคโควิดอาจจะเริ่มขึ้นในสิ้นปี 2020 นี้ หากบริษัทที่กำลังพัฒนาวัคซีนมีผลการทดสอบเบื้องต้นที่มีประสิทธิภาพ และคณะกรรมการที่ดูแลการพัฒนาวัคซีนอาจจะพิจารณาว่า ข้อมูลผลทดสอบถือว่าดีและพูดได้ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

แรงซื้อยังคงมีต่อเนื่องในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทำงานอยู่ที่บ้านและการอยู่กับบ้านรวมทั้งหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มรถยนต์

หุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น 1.92% หุ้นเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 2.39% หุ้นอินเทลคอร์ปเพิ่มขึ้น2.87% หุ้นวอลมาร์ตเพิ่มขึ้น 0.06% หุ้นโคคา-โคล่า เพิ่มขึ้น 4.21% หุ้นฟอร์ดมอเตอร์เพิ่มขึ้น 1.75%และหุ้นเจนเนอรัลมอเตอร์เพิ่มขึ้น 2.92%

นักวิเคราะห์จากเคน แอนเดอร์สัน รุดนิคระบุว่า มาตรการการคลังและการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลทั่วโลกเป็นแรงสนับสนุนเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนมองข้ามข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอและการว่างงานที่สูงไปที่แนวโน้มข้างหน้า อีกทั้งหลายบริษัทที่ได้รับแรงกดดันจากการระบาดของไวรัสให้ปรับมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้นรวมทั้งปรับเปลี่ยนห่วงโซ๋การผลิตให้ดีขึ้นนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นตัวเร็วกว่าและมีผลกำไรที่ดีกว่า

ตลาดหุ้นยังปรับตัวขึ้นแม้ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เผย การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนสิงหาคมที่ต่ำกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้นเพียง 428,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่า 900,000 ล้านตำแหน่งจากการสำรวจของ Econoday และการจ้างงานส่วนใหญ่ 298,000 พนักงานใหม่มาจากธุรกิจขนาดใหญ่ และหากแยกตามประเภทธุรกิจแล้วภาคท่องเที่ยวบริการและต้อนรับจ้างงานรวม 129,000 ตำแหน่ง

แต่นักวิเคราะห์ระบุว่าดีกว่าในเดือนก่อน แม้ADP ได้ปรับตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 212,000 ตำแหน่งจาก 167,000 ตำแหน่งที่รายงานเบื้องต้น
คำสั่งซื้อโรงงานเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 6.4% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 สะท้อนถึงกิจกรรมภาคการผลิตหลังจากมีการเปิดเศรษฐกิจ ดีกว่า 6.2% ที่นักวิเคราะห์คาด

อย่างไรก็ตามรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ “Beige Book” ของธนาคารกลาง (เฟด) บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเดือนสิงหาคมขยายตัวเล็กน้อย แต่หลายภาคส่วนของสหรัฐฯฟื้นตัวช้า รวมทั้งบริษัทที่มีการปลดพนักงานถาวร

สมาคมธนาคารเพื่อสินเชื่อที่อยู่อาศัย ( Mortgage Bankers Association :MBA) เผยความต้องการซื้อบ้านเพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อนเพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำ และต้องการบ้านในพื้นที่ที่ไม่แออัด

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มต้นเดือนสิงหาคม แต่นักลงทุนยังเกาะติดการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจต่อเนื่องจากเมื่อวาน

ยอดค้าปลีกเยอรมนีเดือนกรกฎาคมลดลง 0.9% สวนทางจากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 371.28 จุด เพิ่มขึ้น 6.05 จุด , +1.66%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,940.95 จุด เพิ่มขึ้น 78.90 จุด,+1.35%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,031.74 จุด เพิ่มขึ้น 93.64 จุด, +1.90%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,243.43 จุด เพิ่มขึ้น 269.18 จุด,+2.07%,

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 1.25 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 41.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 44.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบร่วง 2-3%