บจ.ปรับตัวเร็ว 4 เรื่องใหญ่ดึงดูดสถาบัน ดัชนีเกษตร-อาหาร-ไอที-อิเล็กฯพุ่งแรง

HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์เผยงานไทยแลนด์โฟกัส รูปแบบใหม่ สถาบันไทย-ต่างประเทศแห่ฟังข้อมูลสูงกว่า 1 หมื่นราย สนใจถามข้อมูลภาพใหญ่มากกว่าการเมือง  ความสามารถทำกำไรบจ.ดีขึ้น เผยบจ.ปรับตัว 4 เรื่องใหญ่ ตรงใจนักลงทุนสนใจ หนุนดัชนีหุ้นหลายกลุ่มธุรกิจปรับตัวขึ้น หุ้น IPO ยังเข้ามาตามแผนงาน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะกลยุทธ์เดือนก.ย. ชู 6 ธีมลงทุน  ยกกลุ่ม “ดิจิตอล-ขนส่ง โลจิสติกส์-ที่อยู่อาศัย-โรงพยาบาล-พลังงาน-อาหาร” พร้อมเปิดโผ 16 หุ้นเด่น

นาย ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แถลงสรุปผลการจัดงาน “Thailand Focus 2020 : Resiliency to Move Forward” ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค. 2563 ในรูปแบบ virtual conference ว่า พอใจมาก ที่คนสนใจมารับฟังนโยบายภาครัฐ แนวคิดการทำธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)จำนวนมาก ในช่วงเช้าของวันแรกมาก เกือบ 1.4 หมื่นราย ผ่านเฟซบุ๊กถึง 1 หมื่นราย และยูทูปด้วย โดยกองทุนต่างชาติที่ร่วมงาน 30% เป็นกองทุนรายใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมเป็นครั้งแรก แต่ก็มีรายเดิมบางกลุ่ม หายไป และลดลง เพราะอยากคุยตัวต่อตัว คราวหน้าจะจัดงานแบบผสม เพื่อให้ทั้งคนใหม่และคนเก่าต้องการ จะทำให้มีการพบตัวต่อตัว นอกจากนี้ การจัดงาน Set in the City ปกติจะมีขึ้นในเดือนพ.ย. ปีนี้จะมีขึ้นในเดือนก.ย. และอีกครั้งในเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้

สำหรับคำถามที่นักลงทุนสถาบันไทยและต่างประเทศให้ความสนใจ  เรื่องการเมืองน้อยมาก มักจะให้ความสำคัญกับภาพใหญ่มากกว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ ความสามารถในการทำกำไรของบจ.จากปัจจัยต่างๆจากต่างประเทศ เช่น การแพร่ระบาดโควิด การค้า เศรษฐกิจโลก

นายภากรกล่าวว่า นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจคุยกับบจ.ตัวต่อตัว และจากการให้ข้อมูลพบว่ามีการปรับตัว 4 เรื่องใหญ่ คือ 1.ปรับผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับโลกยุคใหม่ เช่นเรื่องสุขภาพ การส่งของแบบเดลิเวอรี่ 2.มีการปรับโครงสร้างของการทำงาน กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้ดิจิทัลมากขึ้น 3. ให้ความสำคัญกับการดูแลและพัฒนาพนักงาน 4. การดูแลเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งเป็นบริษัทที่สถาบันให้ความสนใจพบ  ทำให้ดัชนีของแต่ละหมวดธุรกิจปรับตัวขึ้นมาก เช่น กลุ่มการเกษตรฟื้นตัวมาแล้ว 48% จากต้นปี หมวดอิเล็กทรอนิกส์ 63% วัสดุก่อสร้างบ้าน 3% กระดาษ 51% บรรจุภัณฑ์ 33% โดยบจ.เกี่ยวกับอาหาร เหล็กวัสดุ่อสร้าง อุตสาหกรรม การก่อสร้าง มีนักลงทุนเข้าพบกับบจ. ค่อนข้างมาก

สำหรับการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ นายภากรกล่าวว่า ไม่ต้องปรับตัว แต่จะต้องทำให้เร็วขึ้นใน 2 เรื่อง คือ ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น  หุ้นต้องไม่ใช่เฉพาะหุ้นไทย ต้องมีหุ้นต่างประเทศ กองทุน และตราสารหนี้ต่างประเทศ ตลาดจะต้องรีบผลักดันให้เกิดขึ้น และเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงตลาดทุนมากขึ้น ทำให้ภาพตลาดหุ้นใน 10 ปีข้างหน้าเปลี่ยนไป เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วง10 ปีก่อน ที่โครงสร้างหุ้น 30% เป็นพลังงาน สัดส่วน 20% เป็นแบงก์ และ 10% เป็นอสังหาริมทรัพย์ ตอนนี้ พลังงาน 20-25% ภาคบริการเป็นภาคใหญ่ 30% แบงก์ 30% ต่อไป ภาคบริการจะมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น

ส่วนเรื่องนายปรีดี ดาวฉาย ลาออกจากรมว.คลัง นายภากรกล่าวว่า จะต้องดูว่า รมว.คนใหม่เป็นใคร  ตอนนี้รัฐบาลมีนโยบายต่างๆ เตรียมตัวรองรับการโตที่ชะลอตัวของเศรษฐกิจเพื่อให้ธุรกิจ มีปัญหาน้อยลง ไม่ใช่นโยบายแค่การคลัง เป็นภาพรัฐบาล สิ่งต่างๆที่จะต้องดูต่อว่าใครจะมาทำงาน เพราะเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการทำงาน

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า สถาบันสนใจถามบจ.เรื่องการปรับตัวในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา และทิศทางธุรกิจในไตรมาสที่ 3 และ4 โดยสนใจ 2 หมวดหลัก คือ1.การบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างไร ทั้งต้นทุนการขาย บริหารและการขาย 2. โมเดลธุรกิจใหม่ เพิ่มยอดขายจากช่องทางอื่นๆ นอกจากช่องทางเดิม กระบวนการผลิตเป็นอัตโนมัติมากขึ้น

“หลักๆ สนใจเรื่องการปรับตัวของบจ. ในช่วงล็อกดาวน์ และหลังล็อกดาวน์ ในเรื่องการปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่าย การปรับโมเดลธุรกิจรับโลกใหม่ อาทิ ดิจิทัล “นายแมนพงศ์กล่าว

นอกจากนี้บจ.ไทยออกไปลงทุนยังต่างประเทศ คือมีรายได้ประมาณ 47% มาจากต่างประเทศ เป็นจุดแข็ง หากประเทศใดได้รับผลกระทบ ก็จะไปต่อได้ สามารถฟื้นตัวได้เร็ว  บริษัทส่วนใหญ่ลงทุนในอาเซียนค่อนมากก ในช่วง 2ไตรมาสแรกปีนี้ GDP ยังเป็นบวกอยู่ ไม่เหมือนต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ติดลบ

ส่วนเรื่องเศรษฐกิจสนใจมาตรการกระตุ้น เรื่องท่องเที่ยว แนวโน้มนักท่องเที่ยวในปีนี้และปีหน้า ผู้ประกอบอบการมองอย่างไร

นายแมนพงศ์ กล่าวว่าหุ้นเข้าใหม่ยังคงดำเนินการตามแผน ไม่ได้เลื่อน คาดว่าเดือนต.ค. มีหลายตัวเข้ามาซื้อขาย ตอนนี้มีเกือบ 20 ราย มีความพร้อมข้อมูล ก.ล.ต.อนุญาตให้เสนอขายแล้ว10 ราย   และตลาดยังมองหาโอกาสให้สินค้าเข้ามาระดมทุน โดยร่วมกับก.ล.ต.ศึกษาพัฒนาแพลตฟอร์มระดมทุนให้ SME สตาร์ทอัพ คาดเริ่มซื้อขายได้กลางปีหน้า

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) แนะกลยุทธ์เดือนก.ย. ชู 6 ธีมลงทุน เน้นหุ้นธุรกิจมั่นคง ผลประกอบการฟื้นตัวและเติบโตได้ในระยะยาว ยกกลุ่ม ดิจิตอล-ขนส่ง โลจิสติกส์-ที่อยู่อาศัย-โรงพยาบาล-พลังงาน-อาหาร  พร้อมเปิดโผ 16 หุ้นเด่น

อ่านประกอบ

บล.ดีบีเอสฯ ชู 6 ธีมลงทุนเดือนก.ย. ซื้อ”หุ้นธุรกิจมั่นคง-กำไรฟื้น-โตระยะยาว”