ทรีนีตี้คาดหุ้นก.ค.ฟื้น 1650 PTT-SCC น่าสน

บล.ทรีนีตี้ประเมินหุ้นเดือนก.ค.มีโอกาสฟื้น 1,650 จุด มีลุ้นถึง 1,700 รอผลงานบจ.ไตรมาส 2 กลยุทธ์เน้นหุ้นใหญ่ มีปันผลกลางปี ส่วนเดือนส.ค.ระวังต่างชาติปรับพอร์ต ตามดัชนี MSCI EM ที่จะเพิ่มน้ำหนักหุ้น A-Share ของจีนเป็นรอบที่สอง

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทรีนีตี้ ประเมินทิศทางตลาดหุ้นเดือนก.ค.น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง ทดสอบที่ระดับ 1,650 จุด เนื่องจากปัจจุบันพี/อีเพียง 13.3 เท่าเท่านั้น ถือว่าเป็นระดับที่จูงใจ และหากไล่ดูเหตุการณ์ต่างๆในเดือนนี้ ก็ไม่มีปัจจัยอะไรที่มีนัยสำคัญมากดดันตลาด นอกจากประเด็นสงครามการค้าที่เป็นปัจจัยรบกวนเชิงจิตวิทยาเท่านั้น

“กลยุทธ์การลงทุนในเดือนก.ค. ผู้ที่ยังถือเงินสดมากกว่าปกติ ให้เข้าสะสมหุ้น แถวดัชนี 1,600 จุด คาดหวังการฟื้นตัวขึ้นไปที่ 1,650 จุดเป็นอย่างน้อย หรือหากในกรณีดีสุดผลงานบจ.ออกมาดีกว่าตลาดคาด ดัชนีก็มีโอกาสขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,700 จุดได้เช่นกัน มองกลุ่มหุ้น ขนาดใหญ่ใน SET50 ที่มีการปรับฐานลงมาแรงจนมี Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ และ มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในระดับที่เหมาะสม เช่น PTT และ SCC เป็นต้น ส่วนในกรณีแย่สุด มอง Downside ของดัชนีที่ระดับ 1,550 จุด ซึ่งคำนวณจากระดับพี/อี 14.1 เท่า”นายณัฐชาตกล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนส.ค.แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะมีปัจจัยลบที่อาจเข้ามากระทบ ได้แก่ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติประเภท Passive funds จากการที่ MSCI เตรียมเพิ่มน้ำหนักหุ้น A-Share ของจีนเข้าสู่การคำนวณดัชนี MSCI EM (ดัชนี MSCI สำหรับตลาดหุ้นเกิดใหม่) เป็นรอบที่สอง ซึ่งในรอบแรกเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาก็ส่งผลกดดันต่อหุ้นไทยไปในระดับหนึ่งแล้ว โดยทางทรีนีตี้ประเมินว่าจะมีการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินออกจากประเทศเกิดใหม่อื่นเข้าสู่ตลาดหุ้นจีนอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงของประเทศอิตาลี ครบกำหนดชำระหนี้ก้อนใหญ่ หากสถานะการคลังของประเทศอิตาลียังไม่ค่อยดี และบริษัทจัดอันดับเครดิตมีการออกมาปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ อาจส่งผลให้เกิดบรรยากาศเชิงลบกับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้

อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจากการปรับเพิ่มประมาณการของนักวิเคราะห์ โดยเฉพาะกับกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งสวนทางกับหุ้นขนาดเล็กที่ยังคงเห็นการปรับลดประมาณการอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงเดือนมิ.ย. ตลาดปรับฐานลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่เป็นสำคัญ ทำให้กลุ่มนี้มีระดับที่น่าสนใจพอสมควร