โพล CEO บจ.77%มองผลงานแย่ลง ชะลอลงทุนตปท. เพิ่มในไทย

HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์เปิดผลสำรวจผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนคาดผลดำเนินงานปีนี้หดตัว ความเห็น”แย่ลงมาก” สัดส่วนลดลง ส่วนการลงทุนชะลอเมืองนอก หันมาสนใจเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานในประเทศ ทบทวนกลยุทธ์การทำธุรกิจ การวางแผนควบคุมค่าใช้จ่ายและการลงทุน การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

 

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (CEO) ระหว่างวันที่ 20 มี.ค.-15 มิ.ย.2563 เปรียบเทียบกับในช่วงเดือนม.ค.-มีค.พบว่า 65% ของ CEO ที่ตอบแบบสอบถามคาดว่าผลประกอบการปี 2563 จะหดตัว พร้อมคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ จะหดตัว 5% ถึง 10%

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงาน 77% ของ CEO ที่ตอบแบบสอบถามคาดว่า ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนหลังของปี 2563 จะ “แย่ลงบ้างถึงแย่ลงมาก” ขณะที่ 14% คาดว่าจะดีขึ้น และอีก 9% คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งผลต่างจากการสำรวจครั้งก่อนที่ 59% ของ CEO ที่ตอบแบบสอบถามคาดว่าผลประกอบการจะไม่เปลี่ยนแปลงหรือดีขึ้น แต่ครั้งนี้ พบว่า สัดส่วนของ CEO ที่คาดว่า “จะแย่ลงมาก” มีสัดส่วนลดลงมาอยู่ที่ 14% จาก 35% ในการสำรวจครั้งก่อน

บริษัทที่คาดว่าภาวะอุตสาหกรรมจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 9 เดือนหลังของปี 2563 มาจากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และสิ่งก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจการเงิน และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

“บริษัทในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มองว่าดีขึ้น เป็นหมวดแฟชั่น เป็นบริษัทที่ปรับการดำเนินงานหรือสายการผลิตตามความต้องการของตลาดในช่วงการแพร่ระบาดส่วนอสังหาฯและสิ่งก่อสร้างได้รับประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย  สำหรับ บจ.ในเอ็มเอไอ ได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ เช่น  หน้ากากอนามัย แอลกอฮอลล์ เป็นต้น”

สำหรับการลงทุนมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน โดยวางแผนชะลอการลงทุนในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ส่งผลให้ 55% ของ CEO ที่ตอบแบบสอบถาม วางแผนขยายการลงทุนในประเทศ เพื่อบริหารจัดการ supply chain ให้มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

จากการสำรวจความวิตกกังวลสูงสุด 3 อันดับแรก CEO ให้น้ำหนักเกี่ยวกับกำลังซื้อภายในประเทศ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า และนโยบายการคลังและการใช้จ่ายภาครัฐ และยังกังวลถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการเปิด-ปิดสถานที่ การท่องเที่ยว

ขณะเดียวกันนโยบายการคลังและการใช้จ่ายภาครัฐ ราคาน้ำมัน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม บริษัทจดทะเบียนได้วางกลยุทธ์ปรับตัวไว้ในหลายด้าน อาทิ การทบทวนกลยุทธ์การทำธุรกิจ การวางแผนควบคุมค่าใช้จ่ายและการลงทุน การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนร่วมตอบแบบสอบถาม 101 บริษัท จาก 23 หมวดธุรกิจ มีมูลค่าหลักทรัพย์รวมคิดเป็น 43% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคา ณ 31 ก.ค. 2563