กลุ่มเจมาร์ทปักธงมาร์เก็ตแคป 5 หมื่นลบ. ส่ง 4 บริษัทเข้าตลาดหุ้น- ทุกธุรกิจโต

HoonSmart.com>>”อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” และครอบครัวซื้อหุ้น “เจ มาร์ท” เพิ่มกว่า30 ล้านหุ้น  มั่นใจครึ่งปีหลัง บริษัททั้งกลุ่มโต หนุนมาร์เก็ตแคป 2.5 ล้านบาทสิ้นปีนี้ และปี 65 แตะ 5 หมื่นล้านบาท หลังส่ง 4 บริษัทเข้าตลาดหุ้น ด้าน JMT รับรู้รายได้เต็มที่จากกองหนี้ที่ไม่มีต้นทุน 100% คาดเก็บกระแสเงินได้ในสิ้นปี 1 พันล้านบาท ลุยซื้อหนี้ตามงบ 4.5 พันล้านบาท   สิ้นปีจัดเก็บหนี้ 4 พันล้านบาท  ส่วน SINGER ตั้งเป้าพอร์ตรวมปีนี้ที่ 5.8-6 พันล้านบาท 2 ปีข้างหน้า แตะ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ J  ปีนี้กำไรแตะ 40 ล้านบาท สัญญาไม่มีขาดทุนอีกแล้ว

อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่อง จากบริษัทย่อยเติบโต คือ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสแซ็ส (JMT) ไตรมาสที่ 2/2563 มีกำไรสุทธิ 227 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุด และบริษัทร่วม บริษัทซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) มีกำไร 115 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 1 เท่าตัว เทียบกับจำนวน 52 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2562

สำหรับบริษัท JMART มีกำไร 161 ล้านบาท คาดว่าในไตรมาส 4/63 หรือไตรมาส 1/64 จะมีรายได้และกำไรที่มากกว่าบริษัท JMT ได้ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) 1.2 หมื่นล้านบาท คาดว่าทั้งกลุ่มจะมีมาร์เก็ตแคปถึง 2.5 หมื่นล้านบาทสิ้นปีนี้ และจะแตะระดับ 50,000 ล้านบาท ในปี 2565  บริษัทเตรียมส่งบริษัทในเครืออีก 4 แห่ง เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้แก่ SG Capital คาดว่าจะเข้ายื่นไฟลิ่งในปี 2564 , JP Insurance หลังจากสามารถเริ่มสร้างกำไรได้, J Fintech และ Casa lapin

” JMART มีโอกาสโตถึง 100% เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมและครอบครัว เข้าซื้อหุ้น JMART เพิ่มกว่า 30 ล้านหุ้น เล็งเห็นมูลค่าที่ยังซ่อนอยู่” นายอดิศักดิ์กล่าว

ส่วนธุรกิจ Jaymart Mobile ถึงแม้รายได้ในไตรมาส 2 จะลดลง 16% จากผลกระทบโควิด-19 แต่ได้ทำแผนกลยุทธ์ ลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ถึง 40% สามรถมีกำไรได้ 8 ล้านบาท ตั้งเป้ากำไรต่อเดือนที่ 20 ล้านบาท จากการเพิ่มยอดขายมือถือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับมือถือ การขยายสาขา10 สาขาในปีนี้ รวมถึงรายได้จากการขายประกันมือถือ

ด้านนายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT กล่าว่า ผลงานในครึ่งปีหลัง จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากในไตรมาส 2 บริษัทมีกองหนี้ที่ตัดมูลค่าเงินลงทุนหมดแล้ว ประมาณ 42,781 ล้านบาท หลังจากนี้จะไม่มีต้นทุนทางการเงิน และยังจะรับรู้รายได้ได้เต็มที่ในช่วงครึ่งหลัง สำหรับกองหนี้ที่ไม่มีต้นทุน 100% คาดว่าจะเก็บกระแสเงินสดเข้ามาได้ภายในสิ้นปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

ในครึ่งปีแรกบริษัทมีพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพรวม 189,156 ล้านบาท และซื้อหนี้ประมาณ 1,900 ล้านบาท จากงบลงทุนซื้อหนี้ปีนี้ที่วางไว้ 4,500 ล้านบาท บริษัทตั้งเป้าสิ้นปีมียอดจัดเก็บหนี้ 4,000 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกทำได้1,699 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสัดส่วนรายได้มาจาก 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจซื้อหนี้เข้ามาบริหาร 79% ,ธุรกิจติดตามหนี้สัดส่วนรายได้ 12% และธุรกิจประกันผ่านบริษัทย่อย 9%

ด้านนายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SINGER กล่าวว่า ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อรวมปี 63 ที่ 5,800-6,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้ 2,498 ล้านบาท และ 2,159 ล้านบาท ตามลำดับ จากสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire purchase) และพอร์ตสินเชื่อรถทำเงิน (C4C) รวม 4,657 ล้านบาท ตั้งเป้าใน 2 ปีข้างหน้า (ปี64-65) ที่ 10,000 ล้านบาท

ขณะที่เป้าการขยายสาขาย่อยเพิ่มแตะ 2,000 ราย ในปีนี้ เพื่อครอบคลุมทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย จากปัจจุบันอยู่ประมาณ 1,600 ราย มองว่าการขยายให้ทั่วประเทศไทย จะช่วยในการเจาะกลุ่มลูกค้าชุมชน เพื่อส้างการเติบโตที่ดีในอนาคต

ด้านนายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เปิดเผยว่า รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีการเติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจพื้นที่เช่าฟื้นตัว ล่าสุด ได้เปิดตัวศูนย์การค้า JAS Village Amata-Chonburi ปัจจุบันมีอัตราเช่าพื้นที่กว่า 95% คาดว่าในปีนี้ จะมีกำไรแตะ 40 ล้านบาท จากครึ่งแรกมีกำไรที่ 21.34 ล้านบาท

“เราพยายามสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง Asset ทุกตัวสร้างรายได้แล้ว และจะไม่กลับไปขาดทุนเหมือนในปี 2561 แน่นอน” นายสุพจน์ กล่าว