ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 60 จุด กำไรกลุ่มค้าปลีกประคองตลาด

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบกว่า 60 จุด กำไรกลุ่มค้าปลีกประคองตลาด ด้านหุ้นยุโรปร่วงยกแผง ราคาน้ำมันดิบทรงตัว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 18 สิงหาคม 2563 ที่ 27,778.07 จุด ลดลง 66.84 จุด หรือ -0.24% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทำนิวไฮ และพลิกฟื้นตัวจากที่ร่วงไปเพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้หมด แม้ยังไม่มีความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ และยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจหลังจากที่มาตรการเดิมหมดอายุลง

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,389.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.79 จุด, +0.23%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,210.84 จุด เพิ่มขึ้น 81.11 จุด, +0.73%

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานไตรมาสสองของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่ดีกว่าคาด ทั้งวอลมาร์ท และโฮมดีโป้ ช่วยลดความกังวลและเป็นแรงหนุนให้ตลาด ซึ่งได้รับแรงหนุนอีกส่วนหนึ่งจากแรงซื้อในกลุ่มเทคโนโลยีที่นำโดยแอมะซอน

ธุรกิจค้าปลีกรายหลายได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงการระบาดของไวรัส แต่ผลการดำเนินงานของวอลมาร์ทและโฮมดีโป้ยังได้รับปัจจัยบวกจากการซ่อมแซมบ้านและการซื้อสินค้าจำเป็นของผู้บริโภค โดยวอลมาร์ทซึ่งจำหน่ายสินค้าประเภทของกินของใช้ในสหรัฐฯ 25% ได้รับผลดีจากการสั่งซื้อออนไลน์

กระทรวงพาณิชย์เผย การเริ่มสร้างบ้านเดือนกรกฎาคมหลังหักปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้น 22.6% จากเดือนมิถุนายน มาที่ระดับ 1.496 ล้านหลัง และเพิ่มขึ้น 23.4% จากระยะเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 18.8% มาที่ 1.495 ล้านหลังจากเดือนก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 9.4%จากระยะเดียวกันของปีก่อน

นักวิเคราะห์จากอินดิเพนเดนซ์ แอดไวเซอร์ อัลลิอันซ์ ชี้ว่า เงินจำนวนมหาศาลที่ธนาคารกลางอัดฉีดเข้าระบบ เป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดการฟื้นตัว อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการว่างงานที่อาจจะถ่วงการปรับขึ้นของตลาด

แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างช้าๆจากวิกฤติไวรัส แต่นักลงทุนยังกังวลต่อมาตรการทางการคลังที่ยังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่าว่า เศรษฐกิจดีขึ้นจากการที่ธุรกิจกลับไปเปิดให้บริการ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการให้สภาคองเกรสร่วมมือมากขึ้น ทั้งนี้ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังมีความเห็นไม่ตรงกันในบางประเด็นของมาตรการ

นอกจากนี้นักลงทุนยังกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังจากสหรัฐฯจำกัดการเข้าถึงชิปที่ผลิตในสหรัฐฯของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ของจีน รวมทั้งจับตารายงานการประชุมวันที่ 28-29 กรกฎาคมของธนาคารกลาง(เฟด) ที่จะเผยแพร่ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐฯ เพื่อจับสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มนโยบายการเงิน

หุ้นวอลมาร์ทลดลง 0.7% หุ้นโฮม ดีโปลดลง 1.17%

หุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 4.09% หุ้นอัลฟาเบทเพิ่มขึ้น 2.61% หุ้นเฟซบุ๊เพิ่มขึ้น 0.45% หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 0.83%

หุ้นออราเคิล คอร์ปอเรชั่น บริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่เพิ่มขึ้น 2.22% หลังมีรายงานว่า กำลังเจรจาซื้อ TikTok กับ ByteDance

หุ้นโบอิ้งลดลง 1% หลังเปิดให้พนักงานลาออกโดยสมัครใจเป็นรอบที่สอง เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินยังเจอกับความท้าทาย

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง จากการอ่อนตัวลง 1.1% ของกลุ่มธนาคารและการลดลง 1.3%ของกลุ่มน้ำมันและก๊าซ นักลงทุนยังเกาะติดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่มากขึ้นหลังจากสหรัฐฯยกระดับการจำกัดการเข้าถึงชิปของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ของจีน และสถานการณ์การระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์จากสแควร์ด ไฟแนนเชี่ยล ระบุว่า นักลงทุนเกาะติดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่สหรัฐฯมีความล่าช้าในการออกมาตรการชุดใหม่ และข้อมูลค้าปลีกทั้งสหรัฐฯและจีนต่ำที่กว่าคาด สะท้อนว่าผู้บริโภคยังระมัดระวัง รวมไปถึงการระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ในยุโรปและเอเชีย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 367.18 จุด ลดลง 2.08 จุด , -0.56%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,076.62 จุด ลดลง 50.82 จุด, -0.83%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,938.06 จุด ลดลง 33.88 จุด, -0.68%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,881.76 จุด ลดลง 38.90 จุด, -0.30%

หุ้นมาร์กแอนด์สเปนเซอร์ ธุรกิจค้าปลีกของอังกฤษลดลง 4% หลังประกาศลดพนักงาน 7,000 คน

หุ้น STMicroelectronicsในอิตาลีซึ่งมียอดจำหน่ายชิปให้หัวเว่ย 6% ของยอดขาย ลดลง 1.43%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน ไม่เปลี่ยนแปลงปิดที่ 42.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ปิดที่ 45.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

หุ้นโตเกียว-เอเชีย เช้าขยับบวกเล็กน้อย