UWC กำไรขั้นต้นพุ่ง 295% ครึ่งปี 63 ฟื้น ลั่นผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

HoonSmart.com>>”เอื้อวิทยา” เร่งสร้างกำไร เพิ่มประสิทธิภาพเห็นผล  6 เดือนปี 63 อัตรากำไรพลิกเป็นบวก มุ่งทิ้งธุรกิจไม่ทำกำไร รอผู้ถือหุ้นอนุมัติขายโรงไฟฟ้า  มีเงินชำระหนี้ก่อนกำหนด 300 ล้านบาท ลดดอกเบี้ยปีละ 10 ล้านบาท ฐานะการเงินแกร่ง เดินหน้าธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและเสาโทรคมนาคมในต่างประเทศ

นายธีรชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอื้อวิทยา (UWC) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยในรอบ 6 เดือนของปี 2563 มีผลขาดทุนสุทธิ 193 ล้านบาทเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนขาดทุนสุทธิ 292 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้น 59.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 295% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนขั้นต้น 79.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างกำไรขั้นต้นติดต่อกันตั้งแต่ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เป็นผลจากความพยามยามปรับโครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น จึงทำให้สามารถลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการผลิตลงได้

ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 475.93 ล้านบาท ลดลง 23.5% เนื่องจากรายได้จากโครงการเสาโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและโทรคมนาคมลดลง 42% จากการขอเลื่อนการรับสินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด จึงยังไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามยอดผลิตในไตรมาส 2

ส่วนในไตรมาส 2/2563 ขาดทุนสุทธิ 163.88 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน 120 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เกิดจากการขายธุรกิจโรงไฟฟ้า ประมาณ 149 ล้านบาท โดยมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 18.39 ล้านบาท ลดลงจากขาดทุน 79.34 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปีก่อน

” บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว จะเร่งสร้างผลงานเป็นบวกโดยเร็วที่สุด โดยหยุดธุรกิจที่ไม่ธุรกิจหลักและไม่ทำกำไร เชื่อมั่นว่าจะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคตอันใกล้นี้”นายธีรชัยกล่าว

สำหรับการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ และการขายธุรกิจโรงไฟฟ้าจะมีการขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ โดยที่ปรึกษาการเงินอิสระ (IFA) ให้จัดทำรายงานต่อผู้ถือหุ้นและมีความเห็นว่าการขายโรงไฟฟ้านี้มีความเหมาะสม ทำให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ และสามารถชำระหนี้หุ้นกู้ก่อนกำหนด 300 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ประมาณ 10 ล้านบาท รวมทั้งสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น(D/E) จาก 3.38 เหลือ เพียง 1.74 เท่า ทำให้ฐานะการเงินมีความแข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการสร้างธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและโทรคมนาคม ซึ่งจะสนับสนุนความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตได้ในระยะยาว