ILM คาดครึ่งปีหลังฟื้น คุมเข้มค่าใช้จ่าย-ลดสต๊อกรับมือความไม่แน่นอน

HoonSmart.com>> “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” ไตรมาส 2/63 กำไรวูบ 90% เหลือ 14 ล้านบาท ล็อกดาวน์ฉุดงบ ครึ่งปีแรกรายได้ 4,000 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 44.1% กลยุทธ์ปรับ Product Mix รับมือ COVID-19 ผู้บริโภคหันมาตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น คาดแนวโน้มครึ่งปีหลังสดใสตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาคึกคัก คุมเข้มค่าใช้จ่าย-ลดสินค้าคงคลังต่อเนื่อง หนุนขีดความสามารถการทำกำไรดีขึ้น

กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ

บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 กำไรสุทธิ 14.50 ล้านบาท ลดลง 90.59% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 157.95 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.39 บาท

งวด 6 เดือน ปี 2563 กำไรสุทธิ 132.67 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.26 บาท ลดลง 54.22% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 289.82 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.72 บาท

น.ส.กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2563 มีรายได้รวม 4,080 ล้านบาท ลดลง 16.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยไตรมาส 2/2563 มีรายได้รวม 1,853 ล้านบาท ลดลง 23.6% เนื่องจากบริษัทฯ ต้องปิดสาขาไปเกือบ 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. – 16 พ.ค.2563 จากการประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์ประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศหยุดชะงัก

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในครึ่งแรกของปี 2563 ไว้ได้ในระดับสูงที่ 44.1% ปรับเพิ่มขึ้นจาก 44.0% ในช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากได้มีการใช้กลยุทธ์ปรับ Product Mix เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายและอัตรากำไรที่สูงขึ้น ในขณะที่สินค้าหมวดโต๊ะเก้าอี้สำนักงาน (Home Office) และหมวดของตกแต่งบ้าน ตลอดจนอุปกรณ์จัดเก็บ เป็นที่ต้องการในตลาดมากขึ้น หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งส่งผลให้มีการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) เพิ่มขึ้น รวมถึงผู้บริโภคมีพฤติกรรมหันมาให้ความสนใจกับการตกแต่งบ้านมากขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้เดินหน้าควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงาน (SG&A) ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,515 ล้านบาท ลดลง 15.0% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากไตรมาส 2/2563 ค่าใช้จ่ายลดลงประมาณ 20% อยู่ที่ 707 ล้านบาท และกำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 132.7 ล้านบาท จากกำไรในไตรมาส 2/2563 ที่ 14.5 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรในไตรมาส 2/2563 ได้ แม้ต้องปิดสาขาไปร่วม 2 เดือน จากแรงหนุนของยอดขายออนไลน์และโครงการที่อยู่อาศัยที่เติบโตได้อย่างโดดเด่น 375.1% และ 69.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ

น.ส.กฤษชนก กลาวว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจในภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2563 ว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบจากครึ่งปีแรก ตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น หลังรัฐบาลคลายล็อคมาตรการคุมเข้ม COVID-19 รวมถึงทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ในขณะที่บริษัทฯ เตรียมเพิ่มหมวดสินค้าและเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ๆ รวมถึงการขยายความร่วมมือกับพันธมิตร ควบคู่ไปกับการเดินหน้าลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง

“ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับทุกคน แม้หลายฝ่ายจะประเมินว่า ภาพเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของปีนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยกลับมาคึกคัก แต่ขณะเดียวกันปัจจัยเสี่ยงด้านลบก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูงมาก ดังนั้นบริษัทฯ จึงยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อผลักดันขีดความสามารถการทำกำไรให้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง” น.ส.กฤษชนก กล่าว