“วิลเลียม ไฮเน็ค”เพิ่มทุน MINT ใส่เงินไม่ถึง 30 ล้านบาท

HoonSmart.com>>เจ้าของบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล “วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค” รายงานได้หุ้น 1.7 ล้านหุ้น ต้นทุน 17.50 บาท/หุ้น  เท่ากับราคาที่บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม   ใช้เงินเพียง 29.82 ล้านบาท ไม่สมกับการถือหุ้นใหญ่ จำนวน 168 ล้านหุ้น  บริษัทเตรียมแจก MINT-W7 วันที่ 7 ส.ค.นี้ 

วิลเลียม ไฮเน็ค

นาย วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 31 ก.ค. 63 ได้หุ้นมาจำนวน 1,704,348 หุ้น ในราคาหุ้นละ 17.50 บาท ใช้เงินลงทุนประมาณ 29.82 ล้านบาท ทำให้มีหุ้นทั้งสิ้น 170,196,876 หุ้น

นอกจากนี้นายวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ได้รายงานแทนนิติบุคคลในกลุ่ม ได้หุ้นจำนวน 504,638 หุ้น ในราคา 17.50 บาท เป็นเงิน 8.83 ล้านบาท ส่งผลให้มีหุ้นทั้งหมด 50,001,740 หุ้น

สำหรับนาย วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค เป็นเจ้าของบริษัท MINT  และผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่เจ็ด จำนวน 149 ล้านหุ้น สัดส่วน 3.23% ของทุนเรียกชำระแล้ว จากการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 มิ.ย. 63  และยังได้ซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 168,492,528 หุ้น

ขณะที่นาย วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ได้หุ้นเพิ่มทุนเพียง 1.7 ล้านหุ้น ถือว่าน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับการจัดสรร เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 168,492,528 หุ้น  เพราะบริษัทจัดสรรหุ้นในอัตรา 8.20 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 17.50 บาท  อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถเพิ่มทุนได้สำเร็จ ได้รับเงินสุทธิ 9,857 ล้านบาท ใกล้เคียงกับเม็ดเงินที่บริษัทต้องการทั้งสิ้น 1 หมื่นล้านบาท  ทั้งนี้ น่าจะมีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิเกินจำนวนที่ได้รับการจัดสรร เนื่องจากบริษัทมีการปรับลดราคาขายหุ้นเพิ่มทุนที่กำหนดครั้งแรก 18.90 บาท/หุ้น

ส่วนหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 563,293,156 หุ้น เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 4 ส.ค. 63  แต่ไม่กระทบต่อราคาหุ้นในตลาด กลับปรับตัวขึ้นปิดที่ 18.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท คิดเป็น 3.90%

บริษัทเตรียมออกใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นของบริษัทหรือวอร์แรนต์ ครั้งที่ 7 (MINT-W7) จํานวนไม่เกิน 313,831,156 หน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 7 ส.ค. 63  อัตราส่วน 22 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอร์แรนต์ ไม่คิดมูลค่า

MINT-W7 มีอายุ 2 ปี 11 เดือน 25 วัน แปลงสภาพเป็นหุ้นในอัตรา 1 ต่อ 1 ราคาหุ้นละ 21.60 บาท หากมีการแปลงสภาพทั้งหมด บริษัทจะได้รับเงินประมาณ 6,700 ล้านบาท มากกว่าที่กำหนดไว้เบื้องต้นที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ โดยมีหุ้นรองรับการใช้สิทธิ 313,831,156 หุ้น คิดเป็น 6.10%ของหุ้นทั้งหมด