AOT ยืดเวลา “คิงเพาเวอร์” ประกอบกิจการดิวตี้ฟรี 4 สนามบินหลังโควิด-19 กระทบ

HoonSmart.com>> บอร์ดท่าอากาศยานไทย ขยายเวลา “คิงเพาเวอร์” เข้าประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีใน 4 สนามบิน หลังโควิด-19 แพร่ระบาด กระทบการเข้าตกแต่งพื้นที่ร้านค้า พร้อมอนุมัติเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสารและจำนวนผู้โดยสารที่เกิดขึ้นจริง

บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือทอท. (AOT) เปิดเผยมติคณะกรรมการบริษัทฯ ให้ขยายระยะเวลาการปรับปรุงตกแต่งพื้นที่ และเลื่อนระยะเวลาการเริ่มต้นและสิ้นสุดของการอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) และสิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ให้กับบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) และการอนุญาตให้ประกอบกิจการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ภายในอาคารผู้โดยสาร ทสภ. ให้กับบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สำหรับการการขยายระยะเวลาของขั้นตอนการดำเนินการปรับปรุงก่อสร้างตกแต่งพื้นที่ประกอบกิจการที่กำหนดไว้เดิมในระยะที่ 1 ออกไปอีก 1 ปี เป็นตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.2563 ถึงวันที่ 31 มี.ค.2565 , เลื่อนระยะเวลาการเริ่มต้น และสิ้นสุดการประกอบกิจการที่กำหนดไว้เดิมในระยะที่ 2 เป็นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2565 – 31 มี.ค.2575

ทั้งนี้ หาก ทอท. เปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ทสภ. ซึ่งเป็นพื้นที่ประกอบกิจการส่วนหนึ่งของ KPD และ KPS อย่างเป็นทางการเมื่อใด KPD และ KPS จะต้องจัดให้มีร้านค้าเปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 อย่างเหมาะสม โดยไม่ส่งผลกระทบกับการให้บริการในภาพรวมของ ทสภ.

ทอท. สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการขยายระยะเวลาการปรับปรุงตกแต่งพื้นที่และเลื่อนระยะเวลาการประกอบกิจการฯ ดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และพื้นที่การเปิดให้บริการของแต่ละท่าอากาศยาน พร้อมทั้งให้ฝ่ายบริหาร ทอท. แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจาเงื่อนไขในการขยาย และเลื่อนระยะเวลาให้กับ KPD และ KPS ต่อไป

นอกจากนี้คณะกรรมการทอท. อนุมัติให้เรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร (Sharing Per Head) และจำนวนผู้โดยสารที่เกิดขึ้นจริง ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2565 จนถึงปีที่จำนวนผู้โดยสารจริงของ ทอท. มีจำนวนเท่ากับหรือมากกว่าจำนวนผู้โดยสารตามประมาณการของ KPD หรือ KPS แล้วแต่กรณี ในปี 2564 ที่อ้างอิงจากเอกสารการประมูล ให้นำค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่บริษัท ใช้ยื่นข้อเสนอในปีแรก (ปี 2564) หารด้วยจำนวนผู้โดยสารตามประมาณการของบริษัท ในปี 2564 เพื่อคำนวณหา Sharing Per Head และนำมูลค่าที่ได้มาคูณกับจำนวนผู้โดยสารจริงของ ทอท. ในปีนั้นๆ เพื่อกำหนดเป็นค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำในปีนั้นๆ ตามสูตรการคิดคำนวณ