ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 180 จุด กังวลสหรัฐฯ-จีนตึงเครียด

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบกว่า 180 จุด กังวลสหรัฐฯ-จีนตึงเครียดหนักขึ้น ยอดติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มต่อเนื่อง ด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วง 1-2% ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 ที่ 26,469.89 จุด ลดลง 182.44 จุด หรือ 0.68% นักลงทุนกังวลความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ตึงเครียดมากขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ยังไม่มีความคืบหน้า รวมทั้งวิตกต่อจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นใน 40 รัฐฯซึ่งจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ และคุกคามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,215.63 จุด ลดลง 20.03 จุด, -0.62%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,363.18 จุด ลดลง 98.44 จุด, -0.94%

นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากที่ปรับตัวขึ้นและเป็นแรงหนุนตลาดมาหลายเดือน ประกอบกับมูลค่าของหุ้นในดัชนี Nasdaq สูงกว่าแนวโน้มระยะยาวอยู่ 22%

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาดแต่ ราคาทองคำแท่งที่ปรับขึ้นมาก โดยสัญญาตลาดCOMEX ส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 7.5 ดอลลาร์มาปิดที่ 1,897.5 ดอลลาร์ต่อออนซ์หลังจากที่ระหว่างแตะระดับ 1,900 ดอลลาร์ต้ออนซ์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ต่ำสะท้อนว่านักลงทุนยังกังวลว่าตลาดยังถดถอยได้หลังจากดัชนีNasdaq และดัชนี S&P 500 ร่วงลงแรงเมื่อวันพฤหัสบดี

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนมากขึ้น เพราะลุกลามจากความขัดแย้งทางการค้า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในการแถลงข่าวเรื่องไวรัสเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ตอนนี้ข้อตกลงการค้ากับจีนมีความน้อยมากต่อเขาเมื่อเทียบกับตอนที่เขาทำข้อตกลง และนายไมก์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมกับสหรัฐฯในการเผชิญหน้ากับผู้นำพรรคคอมมิสนิสต์จีน

นอกจากนี้นักลงทุนยังกังวลต่อวิกฤติสาธารณสุขหลังผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น รวมไปถึงกังวลว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่จะออกมาไม่ทันมาตรการเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคมนี้ หลังผู้นำเสียงข้างมากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันยกเลิกแผนการเสนอมาตรการเยียวยาผลกระทบไวรัสชุดใหม่ การเมืองสองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้

กระทรวงพาณิชย์เผย ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 13.8% มาที่ระดับ 776,000 ยูนิต และสูงกว่า 700,000 ยูนิต

ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 50.0 ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นมาที่ 51.3 และดัชนี PMI ภาคบริการเพิ่มที่ 49.6

หุ้นอินเทลคอร์ปลดลง 16.2% หลังจากรายงานการผลิตชิปรุนใหม่ล่าช้าและอาจจะผลิตจากโรงงานของบริษัทอื่นตามแผนสำรองธุรกิจที่เตรียมไว้
หุ้นชลัมบอร์เกอร์ 0.9%แม้รายงานผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสสอง

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง 3.8% จากความกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่สูงขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พยายามเบี่ยงเบนประเด็นจากสถานการณ์ในประเทศก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี จึงกลบปัจจัยบวกด้านข้อมูลเศรษฐกิจ

ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 47.5 และเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นมาที่ 54.8 จาก 31.9 ในเดือนพฤษภาคม บ่งชี้การเติบโตของกิจกรรมเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

กิจกรรมทางเศรษฐกิจในฝรั่งเศสเดือนกรกฎาคมฟื้นตัวดีกว่าคาดหลังจากยกเลิกล็อกดาวน์ ส่วนเยอรมนีภาคการผลิตพ้นจากภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน
ในอังกฤษยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 13.9% สูงกว่า 8.3% ที่นักวิเคราะห์คาดและดีกว่าระดับก่อนวิกฤติโควิด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 367.29 จุด ลดลง 6.36 จุด, -1.70%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,123.82 จุด ลดลง 87.62 จุด, -1.41%,
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,956.43 จุด ลดลง 77.33 จุด, -1.54%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12.838.06 จุด ลดลง 265.33 จุด, -2.02%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 22 เซนต์ปิดที่ 41.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 3 เซนต์ปิดที่ 43.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล