ADB แอบทิ้งหุ้น BGRIM-GULF ถูกกดราคา แต่สุดคุ้ม 3 ปีโกย 1.2 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>ข่าวใหญ่! ADB หรือธนาคารพัฒนาเอเชีย เฉือนหุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ออกมาขาย ได้เงินสด ๆ ไปเกือบ 1 หมื่นล้านบาท แต่ได้ราคาไม่ดีเท่าไร  เพราะไม่บอกเจ้าของให้ช่วยดีล ทำตลาดแตกตื่น นักลงทุนเทกระจาดหุ้น  โดยเฉพาะ GULF ที่เซอร์ไพรส์ตลาด ประกาศเพิ่มทุน 1,066.65 ล้านหุ้น สูตร 10 ต่อ 1 ขายราคา 30 บาท/หุ้น ได้เงินประมาณ 31,999 ล้านบาท ซ้ำเติมหุ้นดิ่งลงแรงถึง 7%

ADB ได้เข้ามาลงทุนในหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งสองแห่งมาตั้งแต่ปี 60 โดยซื้อหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) ในบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำนวน 123 ล้านหุ้น สัดส่วน 4.72%ของทุนเรียกชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 16 บาท เป็นเงินประมาณ 1,968 ล้านบาท  หุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 19 ก.ค 60 ที่ผ่านมา
และซื้อหุ้น IPO บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำนวน 64 ล้านหุ้น ราคา 45 บาท/หุ้น มูลค่า 2,880 ล้านบาท หลังบริษัทแตกพาร์หุ้นจาก 5 บาท เป็น 1 บาท ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 320 ล้านหุ้น

ธนาคารพัฒนาเอเชียได้เลือกขายหุ้นให้นักลงทุนแบบข้ามคืน(โอเวอร์ไนท์ ) เมื่อคืนนี้ และมาทำรายการซื้อขายบิ๊กล็อตผ่านตลาดหลักทรัพย์วันที่ 22 ก.ค. แบ่งขายหุ้น BGRIM จำนวน 68 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ย 50.80 บาท มูลค่ารวม 3,454.40 ล้านบาทและขาย GULF จำนวน 176 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 35.15 บาท มูลค่า 6,186.40 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,640.80 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าตลาด ส่งผลกระทบต่อหุ้นทั้งสองบริษัท

แหล่งข่าวกล่าวว่า ADB ขายหุ้นได้ราคาไม่ดีนัก เป็นเพราะมอบหมายให้บล.เจพีมอร์แกนหาผู้ซื้อหุ้นเอง โดยไม่ได้แจ้งให้ทางบี.กริมฯ และกัลฟ์ฯทราบล่วงหน้า หากบริษัททราบเรื่อง จะสามารถติดต่อขายให้กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่แสดงความสนใจซื้อล็อตใหญ่มานานแล้ว แต่ยังไม่มีหุ้นให้ เชื่อว่าจะขายได้ราคาที่ดีกว่านี้ และไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ด้วย

อย่างไรก็ตาม หากใช้ราคาขายบิ๊กล็อตเป็นฐานในการคำนวณกับหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด ADB จะได้กำไรทั้งสิ้น 12,648.40 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 160% ถือว่าคุ้มค่ามาก สำหรับการลงทุนในช่วง 2-3 ปี มาจากกำไรหุ้น BGRIM ประมาณ 4,280 ล้านบาท และ GULF มากถึง 8,368 ล้านบาท แต่ ADB ยังคงเหลือหุ้น BGRIM อีก 55 ล้านหุ้น และ GULF จำนวน 144 ล้านหุ้น ซึ่งมีโอกาสขายได้ในราคาที่ดีกว่าตอนนี้ได้หากเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของบริษัท

“ปรียนาถ สุนทรวาทะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ กล่าวว่า ADB แบ่งขายหุ้นของบริษัทออกมาจำนวน 2.61% คงเหลืออยู่ 2.11% หลังจากถือหุ้นครบ 3 ปี ซื้อตั้งแต่ตอน IPO  เชื่อว่าขายเพื่อบริหารพอร์ต และเป็นการบริหารวงเงินภายใน เพื่อเตรียมสนับสนุนหรือลงทุนในโครงการของ BGRIM อาทิเช่น Green bond 5,000 ล้านบาทที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในเวียดนาม และโครงการอื่นในอนาคต

การขายหุ้นของ ADB ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นในลักษณะ passive investor พื้นฐานของ BGRIM ยังคงมีความแข็งแกร่ง และเชื่อว่าไม่ส่งผลต่อราคาหุ้นมากนัก หุ้นส่วนใหญ่ถือโดยสถาบันไทยและต่างประเทศ มีนโยบายลงทุนระยะยาว มีนักลงทุนรายย่อยถือประมาณ 20% เท่านั้น

บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ปัจจุบันมีโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว 47 โครงการรวม 3,019 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนาอีกหลายโครงการรวมเป็นกำลังการผลิตทั้งหมด 3,547 เมกะวัตต์ โดยคงมุ่งเน้นการลงทุนอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ควบคู่ไปกับเป้าหมายเติบโตไปสู่การมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือ PPA 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2565 ปัจจุบันกำลังพิจารณาหลายโครงการ เช่น การควบรวมกิจการ (M&A) ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน รวมโอกาสไม่ต่ำกว่า 500 เมกะวัตต์ , โรงไฟฟ้าพลังงานลมในหลายประเทศรวม 300-400 เมกะวัตต์ และ โครงการโรงไฟฟ้าจากก๊าซ LNG ในเวียดนามด้วยโอกาสไม่ต่ำกว่า 3,000 เมกะวัตต์ เป็นต้น

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 63 ยังเชื่อว่าสามารถเติบโตได้ 10-15% จากการขยายกำลังการผลิตและขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโปรแกรมการเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าและการบริหารค่าใช้จ่ายด้วย

“บริษัทฯไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน เนื่องจากการออกตราสารหนี้ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ใช้ และยังมีเครดิตไลน์ รวมมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท “ปรียนาถกล่าว

นักวิเคราะห์มองบวกต่อการเพิ่มทุนของ GULF “ณัฐพล คำถาเครือ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การขายหุ้นออกมาของ ADB เพียงการปรับพอร์ตการลงใหม่เท่านั้น ส่วนราคาหุ้น GULF ที่ปรับตัวลงแรงเนื่องจากข่าวการเพิ่มทุน เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว เป็นบวกต่อบริษัท หากมีรายละเอียดของแผนใช้เงินเพิ่มทุน เพื่อลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศ จะทำให้ตลาดมีมุมมองบวกและราคาหุ้นฟื้นตัวในระยะยาว

ด้านฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ข่าวเพิ่มทุนของ GULF ถือเป็นการสร้างเซอร์ไพรส์ ให้กับตลาด คาดว่าจะกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น  จากการประเมินทางทฤษฎีคาดว่าจะทำให้เกิดไดลูชั่นต่อกำไรต่อหุ้น 9.09% และมีผลต่อราคา 1.3% , ROE ลดลง

แต่หากมองระยะยาว สร้างความแข็งแกร่งให้ GULF เนื่องจากกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก ส่งผลให้นักลงทุนคลายกังวลจากฐานทุนที่จะแข็งแกร่งขึ้น 3.2 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 63,552 ล้านบาท และ D/E ลดลงเหลือ 1.74 เท่า จาก ณ สิ้นงวดไตรมาสแรก  มีส่วนของผู้ถือหุ้น 31,552 ล้านบาท และ D/E 3.5 เท่า

อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและมูลค่าหุ้นที่เหมาะสม  ซึ่งคาดว่ายังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นปัจจุบัน ดังนั้นระยะสั้นจึงยังคงแนะนำ “Switch”