HoonSmart.com>>บล.เมย์แบงก์กิมเอ็งชี้โควิดทำให้โครงสร้างตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไป หลังราคาหุ้นสินค้าบริโภคเด้งกลับแรงที่สุด 107% กลุ่มการเงินฟื้นช้าสุด 74% กดน้ำหนักคำนวณดัชนีตลาดหลักทรัพย์เหลือแค่ 13% กลุ่มบริการเพิ่มขึ้นเป็น 26% เสนอธีมลงทุนระยะยาว ผสมผสานธุรกิจที่มีศัยภาพแข่งขันได้ อาหาร-การแพทย์-การท่องเที่ยว ช่วงสั้นแนะ MINT-CPF
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) วิเคราะห์ว่า นับตั้งแต่วันที่ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดรายแรก เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 63 จนถึงวันที่ 13 ก.ค. พบว่าโครงสร้างดัชนีหุ้นเปลี่ยนแปลงไป หลังจากราคาหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) ฟื้นตัวกลับมาได้เร็วที่สุดและเกินระดับก่อนเกิดไวรัสโควิด-19 ระบาดไปแล้ว คิดเป็น 107.81% ขณะที่กลุ่มการเงินฟื้นตัวช้าที่สุด กลับมาได้เพียง 74.7% ทำให้น้ำหนักในการคำนวณดัชนีของกลุ่มการเงินลดลงจาก 22% สู่ 13% ส่วนกลุ่มบริการ (Services) มีน้ำหนักต่อดัชนีมากขึ้นเป็น 26% ขยายตัวจาก 11% ในปี 54
ดังนั้นการวางธีมในการลงทุนในระยะยาวจะต้องเลือกกลุ่มที่มีศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งมีการผสมผสานจุดเด่นของ 3 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย อาหาร การแพทย์ และ การท่องเที่ยว โดยสรุปออกมาเป็น 1. Healthcare + Tourism = การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 2.Food + Tourism = การบริโภคสำหรับนักท่องเที่ยว และ Food + Healthcare = อาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
ส่วนหุ้นเด่นระยะสั้นเลือก MINT ได้อานิสงส์บวกมาตรการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐ จากสัดส่วนโรงแรมในต่างจังหวัดสูงถึงราว 65% ในขณะที่ธุรกิจอาหารผ่านพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ไปแล้ว หลังการคลายล็อคดาวน์ ในขณะเดียวกันมีสัญญาณการฟื้นตัวของราคาหุ้นระยะสั้น วานนี้ (21 ก.ค.) ราคาดีดกลับแรงทำจุดสูงสุดในรอบ 8 วัน ที่ 20.30 บาท พร้อมมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน
นอกจากนี้ CPF ก็เป็นหุ้นเด่น คาดแนวโน้มกำไรงวดไตรมาส 2/63 เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาส 3 จากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศไทยปรับตัวขึ้น ราคาเป้าหมาย 39.20 บาท P/ER 15 เท่า