HoonSmart.com>> แบงก์กรุงศรี ไตรมาส 2/63 กำไรสุทธิ 6.507 ล้านบาท ลดลง 7.2% จากงวดปีก่อน เหตุรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลง ฉุด 6 เดือนแรกกำไรลด 31.4% จากงวดปีก่อนบุ๊กกำไรขายหุ้นเงินติดล้อ ไม่รวมรายการพิเศษกำไรลดเพียง 2.9% รายได้มิใช่ดอกเบี้ยลด สินเชื่อโต 2% NIM เพิ่มจาก 3.69% แตะ 3.74% ด้านหนี้เสียขยับแตะ 2.2% จาก 1.98%
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยผลดำเนินงานไตรมาส 2/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2563 กำไรสุทธิ 6,507.73 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.88 บาท ลดลง 7.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 7,010.19 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.95 บาท
ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2563 กำไรสุทธิ 13,540.32 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.84 บาท ลดลง 31.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 19,746.94 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.68 บาท
ในงวดไตรมาส 2/2563 กำไรลดลงส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตจากการปรับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563
ส่วนงวดครึ่งปีที่ผ่านมากำไรลดลง ส่วนใหญ่เป็นผลจากการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นจำนวน 50% ของบริษัทเงินติดล้อ จำกัด ในงวดเดียวกันปีก่อนหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวและค่าใช้จายเพื่อรองรับประมาณการหนี้สินเพิ่มขึ้นจากการชดเชยกรณีพนักงานเกษียณและเลิกจ้างตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน กำไรสุทธิงวด 6 เดือนของปี 2563 ลดลง 2.9% จากงวดปีก่อน
ปัจจัยหลักที่กำไรลดลงมาจากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 4,281 ล้านบาท ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 และนโยบายการตั้งสำรองด้วยความรอบคอบระมัดระวังในช่วงเศรษฐกิจที่หดตัวรุนแรง
ด้านเงินให้สินเชื่อรวมใน 6 เดือนแรกมีจำนวน 1854.738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36,861 ล้านบาท หรือ 2% จากสิ้นเดือนธ.ค.2562 ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุเวียนตามความต้องการของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการช่วยเหลือสภาพคล่องภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและย่อม ครึ่งปีแรกสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มขึ้น 4.3% และ 3.3% ตามลำดับ ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยลดลง 0.1%
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงอย่างมีนัยสำคัญที่ 40.3% หรือจำนวน 10,734 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรพิเศษจากเงินลงทุนในครึ่งปีแรกของปี 2562 และการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิสะท้อนปริมาณธุรกรรมของลูกค้าธุรกิจรายย่อยที่ลดลงตามการชะลอของเศรษฐกิจ หากไม่รวมรายการพิเศษรายได้ที่มิช่ดอกเบี้ยลดลง 2,109 ล้านบาท หรือ 11.7% จากครึ่งปีแรกปี 2562
นอกจากมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.74% จาก 3.69% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของต้นทุนทางการเงิน ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 10,734 ล้านบาท หรือ 40.3% จากครึ่งปีแรกของปีก่อน
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.20% ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2563 จาก 1.98% ณ สิ้นปี 2562 และมีอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 157.2%
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งมาตรการล็อคดาวน์ในประเทศจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ เป็นที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับภาวะถดถอยมากที่สุดในปี 2563
“ในฐานะธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบ กรุงศรีได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อยที่ประสบปัญหาการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 เงินให้สินเชื่อภายใต้มาตรการช่วยเหลือลูกค้าของกรุงศรีอยู่ที่ประมาณ 29% ของเงินให้สินเชื่อรวม ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้ารายย่อย 1,792,820 ราย และลูกค้าธุรกิจ 36,490 ราย ทั้งนี้ ธุรกิจ SME ได้รับผลกระทบมากที่สุดในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ซึ่งนอกเหนือจากการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการข้างต้นแล้ว ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้า SME กว่า 5,700 รายด้วยวงเงินสินเชื่อเพิ่มจำนวน 18,312 ล้านบาท เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารออมสิน”นายเซอิจิโระ กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2563 นายอาคิตะ กล่าวว่า แม้ว่ารัฐบาลไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้เปิดระบบเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วยความระมัดระวัง แต่ความเปราะบางและความไม่แน่นอนยังคงเป็นปัจจัยท้าทาย คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2563 ถูกปรับลดเป็นหดตัว 10.3% เทียบกับที่คาดว่าจะหดตัว 5.1% ในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อการบริโภคภายในประเทศและการลงทุน และยังกระทบต่อการส่งสินค้าและบริการไปต่างประเทศด้วย
“เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ธนาคารจะดูแลและบริหารจัดการในเรื่องคุณภาพของสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง เพื่อให้มั่นใจทั้งในด้านความปลอดภัยและความแข็งแกร่ง ขณะที่กรุงศรีจะยังคงให้การสนับสนุนลูกค้าและกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมอย่างต่อเนื่อง”นายเซอิจิโระ กล่าว