EA+NEX บุก E-buses/Truck หุ้นนิวไฮกำไรทันที 1,876 ล้าน

HoonSmart.com>>EA มาถูกทางหลังประกาศบิ๊กดีลเข้าร่วมลงทุน NEX เพื่อปูทางสู่การเป็นผู้นำ E-buses/Truck ที่มีมูลค่าตลาดนับหมื่นล้านบาท เติมเต็มภาพ Tesla ของเมืองไทย ยังไม่ทันใส่เงินเพิ่มทุน PP จำนวน 670 ล้านหุ้น ใน NEX กำไรทันที 1,876 ล้านบาท หลังหุ้น NEX นิวไฮทะยานปิด 5 บาท นิวไฮ

ขั้นตอนเข้าร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท พลังงานบริสุทธิ์  (EA) ผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานทดแทน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กับบริษัท เน็กซ์ พอยท์ (NEX) อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะชัดเจนเร็วๆ นี้

โดย EA ส่งบริษัทย่อย “อีเอ โมบิลีตี โฮลดิง” (EMH) แห่ขันหมากเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงแก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ของ NEX จำนวนไม่เกิน 670 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 40% โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาต่อยอดธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่ง NEX เป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนและจัดจำหน่าย รวมถึงให้บริการหลังการขายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รถยนต์โดยสาร รถบัสโดยสาร และอื่นๆ รถยนต์เชิงพาณิชย์ และรถยนต์ส่วนบุคคล

และที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 10 ก.ค.63 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ EMH และอนุมัติการขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ ให้แก่ EMH

ทั้งนี้ ราคาหุ้น NEX และ EA ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น Tesla ที่พุ่งทะลุระดับ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ และแซง Toyota ขึ้นเป็นบริษัทรถยนต์ที่มูลค่ามากสุดในโลกแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มธุรกิจพลังงานสะอาด กำลังเป็นทางเลือกใหม่ของโลก ในยุค New Normal

การเข้าลงทุนใน NEX ของ EA ผ่าน EMH เข้ามาช่วยเติมเต็มอาณาจักรยานยนต์ไฟฟ้าและโรงงานแบตเตอรี่ ที่จะเป็น New S-Curve ของ EA โดยปัจจุบัน EA ถือเป็นผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานทดแทนของเมืองไทย ที่ขยายการลงทุนทั้ง ธุรกิจเรือไฟฟ้า ธุรกิจรถยนต์ EV ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ EV และโรงงานแบตเตอรี่ ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนผลประกอบการของ EA สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย)  มองแผนการลงทุนของ EA ในรอบนี้ว่า ที่ผ่านมา EA เป็นหนึ่งในผู้ผลิตลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และกำลังเดินหน้าสู่ธุรกิจที่จะเป็น S-Curve ตัวใหม่ (EV/ESS) กลยุทธ์ธุรกิจ EV ของบริษัทคือ การสร้างสำนึกของสังคมให้ตระหนักถึงความสำคัญของ EV และ เปลี่ยนการขนส่งสาธารณะในประเทศให้หันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (แท็กซี่ รถโดยสาร และเรือไฟฟ้า)

ขณะที่ธุรกิจระบบจัดเก็บไฟฟ้า (energy storage system หรือ ESS) ก็มีโอกาสเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของ microgrid solutions โดยคาดว่าอุปสงค์จาก EV รถโดยสารไฟฟ้า และเรือข้ามฟากไฟฟ้า จะคิดเป็นประมาณ 30-50% ของกำลังการผลิตแบตเตอรี่จากโรงงานของบริษัท 1 GWh แต่เชื่อว่าราคาหุ้นในปัจจุบันได้สะท้อนมูลค่าของโรงงานผลิตแบตเตอรี่ (5-6 GWh) ไปบางส่วนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าอุตสาหกรรม EV ของไทยพัฒนาได้เร็วเกินคาด ก็จะทำให้อุปสงค์ของแบตเตอรี่มีโอกาสเติบโตได้อีกอย่างมาก

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต ประเมินว่า การที่ EA เข้าซื้อหุ้นใน NEX เป็นการรุกสู่ธุรกิจ E-buses/truck ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งในการใช้แบตเตอรี่ li-ion ของบริษัทเอง การเป็นพันธมิตรกับผู้ร่วมทุนใน NEX ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารถบัสรายใหญ่ที่สุดจากจีนเป็นการเปลี่ยนการแข่งขันไปสู่ความร่วมมือในอนาคต เชื่อว่า EA มาถูกทางตามแนวโน้มโลกในระยะยาว แต่มีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2563 ลงเพื่อสะท้อน งบค่าใช้จ่ายลงทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับ NEX อีกทั้งการส่งมอบ E-taxis ที่ล่าช้า

นอกจากนี้ ไม่มีการขายกรีนดีเซล รวมไปถึงผลกระทบจากการเว้นระยะห่างทางสังคมต่อผู้โดยสาร E-Ferry และการลดลงของยอดขายจากสถานีชาร์จ ตามการส่งมอบ E-Transport ที่ล่าช้า

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัย เห็น Upside ต่อยอดขาย E-Bus และ E-Truck เนื่องจากสมมติให้ขายได้เพียง 1,000 คัน ในปี 2564 (300 kWh ต่อคัน) เทียบกับขนาดตลาดต่อปีที่ 1.3 ล้านคัน ประเมินราคาเหมาะสม EA ที่ระดับ 100 บาท