HoonSmart.com>> “เซ็น คอร์ปอเรชั่นฯ” คาดครึ่งปีแรกขาดทุน ล็อกดาวน์ทำรายได้หาย 400 ล้านบาท รวมทั้งปีลดลง 15-20% คาดครึ่งปีหลังพลิกมีกำไร ลูกค้ากลับมา หั่นงบลงทุนจาก 200 ล้านบาทเหลือ 100 ล้านบาท มองหาซื้อกิจการตั้งงบ 100 ล้านบาท
นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (ZEN) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง จะสามารถพลิกกลับมามีกำไร และรวมทั้งปี 63 จะมีกำไรได้ หลังจากช่วงล็อกดาวน์ รายได้ลดลงไปประมาณ 400 ล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถเปิดให้บริการร้านอาหารได้ตามปกติ คาดว่ารายได้รวมในปี 2563 ลดลง 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,144.17 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังดีขึ้น โดยเริ่มมีกำไรตั้งแต่เดือนก.ค. เนื่องจากบริษัทเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี และการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะภาพรวมธุรกิจร้านอาหารที่ทยอยกลับมาเปิดให้บริการมากขึ้น ขณะที่ร้านอาหารในเครือของ ZEN ทั้งหมดกว่า 10 แบรนด์ ส่วนใหญ่ทั้งในและนอกศูนย์การค้ามีลูกค้ากลับมาใช้บริการนั่งทานภายในร้านเฉลี่ย 80-85% และคาดว่าในช่วงไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้นเป็น 90-95%
“ร้านอาหารทุกแบรนด์ของเราถือว่าฟื้นตัวได้เร็วแบบ V Shape เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นกับแบรนด์มากขึ้น คาดว่ารายได้เดลิเวอรี่ในปีนี้จะเพิ่มเป็นประมาณ 300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณกว่า 10% ของยอดขายรวมในปีนี้ จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ราว 5% โดยการเพิ่มผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ได้แก่ แกร็บฟู้ด ไลน์แมน เก็ท ฟู้ดแพนด้า สั่งอาหารออนไลน์ร้านในเครือของบริษัทผ่านคอลเซ็นเตอร์ 1376 Delivery และพัฒนาเมนูใหม่ภายใต้ชื่อ Chicken Z (ชิกเก้นซี) ไก่ทอดสูตรลับฉบับเซ็นที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อให้บริการลูกค้าสั่งซื้อแบบเดลิเวอรี่โดยเฉพาะ ปัจจุบันมี 12 สาขาที่ให้บริการแบบเดลิเวอรี่ได้”นายบุญยงกล่าว
ส่วนแผนการลงทุนบริษัทได้ปรับลดงบลงทุนลงเหลือ 100 ล้านบาท จากเดิมที่ 200 ล้านบาท โดยใช้ในการปรับปรุงสาขาเดิม พัฒนาระบบ และใช้ในการขยายสาขา ร้านอาหาร AKA และ On the table แบรนด์ละ 1 สาขา ในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมถึงการขยายสาขาร้านอาหารไทยตามสั่ง แบรนด์ ‘เขียง’ เน้นโมเดลแฟรนไชส์ ซึ่งแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมาเปิดสาขาเขียงเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20 แห่ง รวมทั้งหมดกว่า 70 แห่ง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 100 สาขา นับเป็นแบรนด์ร้านอาหารไทยตามสั่งที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย
นายบุญยงกล่าวถึงการปรับลดเงินปันผลของกำไรปี 2562 จากเดิมหุ้นละ 0.45 บาท เหลือ 0.20 บาท เพื่อรักษาเสถียรภาพและบริหารกระแสเงินสดภายใน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นเป็นรอบที่ 2 ทำให้มีกระแสเงินสด โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีความสนใจที่จะลงทุนควบรวมกิจการใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท ลงทุนพัฒนาแบรนด์ใหม่ รวมถึงการนำแบรนด์ต่างประเทศเข้ามาพัฒนาเพิ่มเติม ปัจจุบนบริษัทมีกระแสเงินสดประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนการจ่ายปันผลของปี 2563 ต้องประเมินงบการเงินอีกครั้งหนึ่งก่อน