HoonSmart.com>>ในช่วงนี้ มีหุ้นฮอตฮิต 2 ตัว วอลุ่มการซื้อขายหนาแน่น และราคาหุ้นแข็งแรง แม้ว่าจะเทรดที่ P/E สูงกว่า 100 เท่าก็ตาม นักลงทุนยังคงให้ความสนใจ เพราะมีความหวังเรื่องแนวโน้มกำไรจะเติบโตสูงมาก
ตัวแรกคือ บริษัทศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางใหญ่อันดับที่สามของโลก หลังจากนำหุ้นเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันแรก (2ก.ค.63) สร้างความประทับใจให้กับนักลงทุนมาก ราคาเปิดกระโดด 55.25 บาท จากขาย IPO 34 บาท และยังสามารถไปต่อได้ จนราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 74.75 บาท เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ก่อนที่จะถอยหลังมาปิดที่ 69 บาท+1.25 บาทหรือ +1.85% และจะพยายามบวกต่อในวันนี้ (8 ก.ค. ) สูงสุดที่ 72.25 บาท แต่ปลายตลาดกลับเจอแรงขายปิดที่ 68.50 บาท -0.50 บาท ตามภาวะตลาดโดยรวมที่ถลาลง 10 จุด
เชื่อว่านักลงทุนยังคงเข้ามาเล่นหุ้น STGT อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีเสียงเตือนให้เพิ่มความระมัดระวังก็ตาม ราคาหุ้น ณ จุดนี้ สูงกว่าเป้าหมายของนักวิเคราะห์มาไกลมาก จากความคาดหวัง กำไรไตรมาส 2 /63 จะโตมากกว่าไตรมาสแรกที่ทำได้ถึง 421 ล้านบาท เพราะความต้องการถุงมือยางทั่วโลกเพิ่มสูงมาก ขณะที่บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และยังมีแผนการลงทุนในอนาคต จากเงิน IPO จำนวน 14,595 ล้านบาท จะช่วยให้กำไรเติบโตในระยะยาวได้
ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิต 3 สาขา มีสายการผลิตทั้งหมด 145 สายการผลิต และมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี รวมถึงมีบริษัทย่อยตั้งอยู่ในจีนและสหรัฐอเมริกาด้วย
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมี.ค. 63 บริษัทมีมูลค่าหุ้นทางบัญชีเพียง 4.88 บาท/หุ้น จากราคาพาร์ 1 บาท ส่วน P/E ของบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันอยู่ที่ 67.01 เท่า เทียบกับ หุ้น STGT เทรดที่ P/E 107.60 เท่า ณ วันที่ 3 ก.ค.63
ส่วนหุ้นตัวที่สองคือ บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ผู้นำธุรกิจโรงไฟฟ้า และยังคงเร่งลงทุนทั้งธุรกิจหลัก คือ ไฟฟ้า และโครงการสาธารณูปโภค ปี 63 ผ่านมาไม่ถึง 7 เดือน GULF เทงบลงทุนไปแล้วมากกว่า 8 โครงการ ครั้งล่าสุด ทุ่มเงินกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ลงทุนในหุ้น 50% โครการโรงไฟฟ้าพลังงานลมทะเล (โครงการ BKR2) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 464 เมกะวัตต์ (MW)ในเยอรมนี ซึ่งสามารถรับรู้รายได้และกำไรทันที ส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ณ วันที่ 3 ก.ค. 63 หุ้นเทรดที่ P/E 129.95 เท่า ล่าสุด (8 ก.ค.)ราคาปิดที่ 38.50 บาท ใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์ 8 รายให้ไว้ที่ 38.48 บาท แต่นักวิเคราะห์ 5 ราย แนะนำเพียง”ถือ” โดยบล.กสิกรไทยให้เป้าหมายเพียง 37 บาท และบล.บัวหลวงขยับเป้าหมายจาก 42 บาทเพิ่มเป็น 45 บาท หลังลงทุนโครงการใหญ่ในเยอรมนี
กัลฟ์ฯใช้กลยุทธ์ กระจายพอร์ตลงทุนพลังงานหมุนเวียนออกไปต่างประเทศหลายแห่ง ทั้งเวียดนาม และในยุโรป รวมถึงการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคหลายโครงการ นอกจากสร้างการเติบโตแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยง สร้างความยั่งยืนจากสัญญาสัมปทานระยะยาวอีกด้วย