เล็งตั้งกองทุนปิด อุ้ม high yield bond ขายสถาบัน ผ่อนกฎ

HoonSmart.com>>ก.ล.ต.สรุปผลหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งกองทุนปิด เน้นลงทุนใน high yield bond รับผลกระทบจากโควิด ขายเฉพาะสถาบัน-รายใหญ่ ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ มีสิทธิประโยชน์จูงใจลงทุน 

รื่นวดี สุวรรณมงคล

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์( ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. จัดการประชุมร่วมกับที่ปรึกษาและคณะกรรมการกำกับและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ตัวแทนจากชมรมวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และนายกสมาคมบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย รวมทั้งผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลังและกรมสรรพากร เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2563 เกี่ยวกับความเป็นไปได้และแนวทางการจัดตั้งกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารที่ต่ำกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้ (high yield bond) โดยมีความเห็นร่วมกันในหลักการถึงความจำเป็นในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว

การจัดตั้งกองทุนนี้ เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้ผู้ออกตราสารหนี้บางรายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ได้มีการระดมทุนผ่าน high yield bond ให้มีสภาพคล่องและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ (bridge financing) และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนผ่านมืออาชีพทดแทนการลงทุนโดยตรงในตราสารดังกล่าว โดยมีกลไกคุ้มครองผู้ลงทุนที่เหมาะสมกับฐานะการเงินและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ในเบื้องต้นจะเป็นการจัดตั้งกองทุนในรูปแบบกองทุนรวมหรือทรัสต์ ซึ่งเป็นกองทุนปิดที่มีการบริหารจัดการโดยมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ ขายให้เฉพาะผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น โดยเน้นลงทุนใน high yield bond และจะผ่อนคลายบางกฎเกณฑ์เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการจัดตั้งและบริหารกองทุน นอกจากนี้ อยู่ระหว่างหารือเกี่ยวกับมาตรการจูงใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง

“ทุกฝ่ายที่ร่วมประชุมในวันนี้เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน และเห็นถึงความจำเป็นในการจัดตั้งกองทุน high yield bond โดย ก.ล.ต. พร้อมที่จะเสนอเรื่องให้กับคณะกรรมการกำกับตลาดทุนเพื่อพิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์ที่อาจเป็นข้อจำกัด และจะเสนอขอรับงบประมาณสนับสนุนให้มีบทวิเคราะห์ตราสารหนี้จากคณะกรรมการ ก.ล.ต. อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. เน้นการบริหารความเสี่ยงของกองทุนดังกล่าวผ่านมืออาชีพ และให้ความสำคัญกับการลงทุนในตราสารหนี้ของผู้ออกที่มีธรรมาภิบาลที่ดี” นางสาวรื่นวดีกล่าว