ตลท.เผยหุ้น IPO จ่อเข้าเทรด 2 ก.ค.เร็วกว่าคาด หลังโควิด-19 แพร่ระบาด

HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยหุ้น IPO จ่อเข้าเทรด 2 ก.ค.หลังสถานการณ์โควิด-19 พร้อมแนะผู้ลงทุนประเมินความเสี่ยงก่อนซื้อหุ้นกู้ ความสามารถชำระหนี้คืนของผู้ออก ด้านตลาดหุ้นราคาเริ่มแพง กำไรบจ.ส่อถูกหั่นเป้าพิษโควิด-19 พร้อมชงก.ล.ต.ต่ออายุมาตรการซิลลิ่ง ฟลอร์ถึง 30 ก.ย.63

ภากร ปีตธวัชชัย

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การระดมทุนขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ว่า ในวันที่ 2 ก.ค.63 จะมีบริษัทเข้ามาซื้อขายวันแรก (1st Day Trade) ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดการณ์เอาไว้

นอกจากนี้บริษัทจดทะเบียนที่ออกหุ้นกู้ ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ อยากให้ประเมิน บจ. ที่เสนอขายหุ้นกู้ว่ามีความเสี่ยง และความสามารถในการจ่ายคืนชำระด้วย รวมถึงนักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงการลงทุนก่อนเข้าลงทุน ซึ่ง ตลท. ก็มีนโยบายการดูแลและคัดกรองบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนอยู่แล้ว

ขณะที่อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) จะพบว่าราคาหุ้นในตลาดเริ่มอยู่ในระดับที่แพง มูลค่าตลาดดังกล่าวเป็นการคำนวณจากคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2564 ที่ยังไม่มีการปรับประมาณการ เนื่องจากตลาดรอประเมินผลกระทบจากโควิด-19 ดังนั้น แนะนำนักลงทุนติดตามตัวเลขประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนให้ดี โดยการปรับต่างๆจะมีผลต่อค่า P/E ในปี 64

ทั้งนี้เตรียมพิจารณาขอสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต่ออายุมาตรการกำหนดราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ที่จะครบกำหนดอายุวันที่ 30 มิ.ย.นี้ โดยคาดว่าจะพิจารณาต่ออายุมาตรการออกไปอีก 3 เดือน ถึง 30 ก.ย.63 หากมีข้อสรุปตลาดหลักทรัพย์ฯ จะแจ้งให้นักลงทุนทราบต่อไป

ด้านนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ณ สิ้น 11 มิ.ย. 63 ดัชนีตลาดปรับขึ้น 4% จากสิ้นเดือนพ.ค. ที่ปรับขึ้น 3.2% โดยมองว่าตลาดเคลื่อนไหวตามปัจจัยภายนอก ทำให้ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางเดียกวันตลาดหุ้นภูมิภาค ซึ่งถือว่าตลาดฟื้นตัวกลับมาได้ประมาณ 93% แล้ว

ส่วนสิ้นเดือนพ.ค. หุ้นกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มบริการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า SET Index โดยในเดือน พ.ค. ต่างชาติขายสุทธิ 31,580 ล้านบาท ซึ่งขายน้อยกว่าในเดือนก่อนหน้า มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 65,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากค่าเฉลี่ยของปีก่อนหน้า

ด้านค่า Forward P/E ณ สิ้น พ.ค. อยู่ที่ 19.8 เท่า ซึ่งสะท้อนระดับราคาที่ปรับตัวขึ้นสูงกว่าเดิมมาก และอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 3.68% ถือว่าเป็นจุดเด่นของตลาดหุ้นไทย ที่ผลตอบแทนดี ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ