MINT ยิ้มธุรกิจไทย-ตปท.เริ่มเดินเครื่อง การเงินพร้อมโต 3 ปี

HoonSmart.com>>”ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” เผยเงินลงทุนเริ่มทำงานได้แล้ว ทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารเปิดบริการบางส่วน ได้รับการตอบรับที่ดี  ดีมานด์ท่องเที่ยวคึกคัก  บริษัทวางแผนจัดโปรโมชั่น

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 จากการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนต่างๆในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการซื้อกิจการ NH Hotel Group ผู้ให้บริการโรงแรมในทวีปยุโรป ทั้งอิตาลี สเปน กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ และยุโรปกลาง การซื้อธุรกิจร้านอาหารแบรนด์บอนชอนในประเทศไทย และการซื้อหุ้น Breadtalk ผู้ประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มชื่อดังในสิงคโปร์และในอาเซียน ทั้งศูนย์อาหาร Food Republic ร้าน Toast Box และ Song Fa Bak Kut Teh บักกุ๊ดเต๋ระดับมิชลินไกด์ในประเทศสิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะสั้น บริษัทได้รับผลกระทบจากการหยุดดำเนินธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารแบบนั่งทานในหลายประเทศ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบกับธุรกิจเกือบทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ทำให้บริษัทขาดทุน 1,773 ล้านบาท ในไตรมาส1/ 2563 และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน( D/E) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.6 เท่า บริษัทยังคงมีเป้าหมายที่จะควบคุมให้ไม่เกิน 1.3 เท่า ทั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้แก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับหน้าที่การดำรงอัตราส่วนทางการเงินที่ระบุในข้อกำหนดสิทธิ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ไตรมาส 2-4 ของปีนี้ บริษัทเสนอเงื่อนไขว่าจะลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง จะต้องไม่ซื้อกิจการหรือทำ M&A มากกว่า 3% ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด และไม่ก่อหนี้เพิ่มมากกว่า 150,000 ล้านบาทต่อไตรมาส บริษัทยังรักษาฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ และมีสภาพคล่องในการดำเนินงาน ปัจจุบันมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 22,200 ล้านบาท ไม่รวมวงเงินกู้ยืมอีกกว่า 27,000 ล้านบาท

MINTมีความแข็งแกร่งทางการเงินที่เพียงพอสำหรับการเติบโตของธุรกิจในอีก 3 ปีข้างหน้า และเพื่อที่จะเติบโตในอนาคตอย่างมั่นคง จึงวางแผนจัดหาเงินทุนรวม 25,000 ล้านบาท คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท การออกหุ้นกู้คล้ายทุน หรือ Perpetual bond เสนอขายกับนักลงทุน วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท รวมถึงการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ครั้งที่ 7 ( MINT-W7) วงเงิน 5 พันล้านบาท ที่จะมีการแปลงสภาพในช่วง 3 ปีตั้งแต่ปี 2563-2565

นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับลดกระแสเงินสดจ่ายให้ได้มากที่สุด ผ่านการลดค่าใช้จ่ายและปรับลดงบลงทุนรวมในปี 2563 ลงมาอยู่ที่ 10,000 – 11,000 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้กว่า 17,000 ล้านบาท จะชะลอแผนการซื้อกิจการในปีนี้ งดการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2562 ได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้ในการขอขยายเวลาการชำระหนี้

ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายในหลายประเทศ มีการเปิดประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในประเทศจีน กลับมาฟื้นตัวขึ้นเป็นบวก ประเทศสเปนที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ จะส่งผลบวกต่อกลุ่มโรงแรม NH Hotel Group รวมทั้งในประเทศไทยที่มีการผ่อนปรนระยะที่ 3 ทำให้ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านค้า รวมทั้งการเดินทางข้ามจังหวัด เพื่อการท่องเที่ยวสามารถกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ บริษัทสามารถกลับมาเปิดดำเนินธุรกิจได้บางส่วนแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้โรงแรมของบริษัทในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น โรงแรมอนันตรา หัวหิน รีสอร์ท และอีกหลายแห่ง มียอดจองห้องพักและแพ็กเกจพิเศษจากลูกค้าคนไทยเป็นจำนวนมาก หากมีการผ่อนระยะ 4 ในเร็วๆนี้ รวมทั้งมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐด้วย ที่จะเป็นปัจจัยบวก ซึ่งบริษัทมีแผนจะได้จัดกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายของกลุ่มลูกค้าคนไทยที่เหมาะสมต่อไป