บล.ทิสโก้ คาดการณ์กำไรรวมหุ้นกลุ่มแบงก์ไตรมาส 2 อยู่ที่ 4.1 หมื่นล้านบาท ติดลบ 5% ผลพวงยกเลิกค่าธรรมเนียมโอนเงินผ่านดิจิทัล ขณะที่ตลาดหุ้นรีบาวด์ แรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ดัน SET ฟื้น 24 จุด ต่างชาติขายอีก 3,632 ล้านบาท
ทีม TISCO Research บล.ทิสโก้ คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2 ของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยคาดว่ากำไรรวมของธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง จะลดลงเหลือ 41,222 ล้านบาท หรือลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีนี้
TISCO Research คาดว่า ธนาคารขนาดใหญ่ 3 แห่งจากทั้งหมด 4 แห่ง จะมีผลกำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีนี้ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มีกำไร 9,898 ล้านบาท ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มีกำไร 8,587 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และธนาคารกรุงไทย (KTB) มีกำไร 3,142 ล้านบาท ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 54% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ (BBL) แม้ว่าผลกำไรอยู่ที่ 8,365 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
ส่วนธนาคารอีก 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดว่าจะมีกำไร 6,016 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก , ธนาคารทหารไทย (TMB) คาดว่าจะมีกำไร 2,158 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
บริษัท ทุนธนชาต (TCAP) คาดว่าจะมีกำไร 1,732 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) คาดว่าจะมีกำไร 1,732 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
แหล่งข่าวจากวงการธนาคารพาณิชย์ กล่าวว่า กำไรของธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2 ที่ลดลงมา เป็นผลพวงจากผลกระทบการยกเว้นค่าธรรมเนียมทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลในช่วงไตรมาส 1 ต่อต้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการลงทุนระบบเทคโนโลยี
ส่วนการประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) เพื่อทบทวนกำหนดการบังคับใช้มาตรฐานบัญชี IFRS 9 นั้น ได้เลื่อนจากวันที่ 20 มิ.ย.ไปเป็นช่วงวันที่ 15-17 ก.ค.นี้ เนื่องจากปลัดกระทรวงพาณิชย์ติดภารกิจ
สำหรับภาวะตลาดหุ้นไทย เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ตลาดรีบาวด์เหนือความคาดหมาย ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นเอเชีย โดยมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ เช่น พลังงาน แบงก์ ดันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวขึ้นตลอดทั้งวัน ทำให้ SET ขึ้นไปสูงสุดที่ 1,665.27 จุด และปิดตลาดที่ 1,664.26 จุด เพิ่มขึ้น 24.72 จุด มูลค่าซื้อขาย 60,045.53 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 3,632.69 ล้านบาท , พอร์ตเทรดโบรกเกอร์ ขาย 1,171.66 ล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 2,434.32 ล้านบาท