eHoonSmart.com>> “บีทีเอส กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ ปี 2562/63 ทะลุ 8.2 พันล้านบาท เติบโต 184% จากปีก่อน ท่ามกลางการแพร่ระบาด COVID-19 กวาดรายได้รวม 4.22 หมื่นล้านบาท ธุรกิจระบบขนส่งมวลชนรายได้ 2.52 หมื่นล้านบาท ค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสีชมพูและเหลือง ด้านธุรกิจสื่อโฆษณาอวดกำไรสูงสุด บอร์ดไฟเขียวปันผล 0.15 บาทต่อหุ้น XD 29 ก.ค.นี้ อนุมัติเพิ่มทุน 1.1 พันล้านหุ้น ขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง เตรียมพร้อมหากมีโอกาสลงทุน แต่ขอจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมาทุกปี มาเป็นปีที่ 3 แล้ว แต่ยังไม่เคยใช้ พร้อมขยายวงเงินออกหุ้นกู้เพิ่ม 3 หมื่นล้านบาท
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยผลประกอบการปีงบประมาณ 2562/63 (เม.ย.2562-มี.ค.2563) กำไรสุทธิ 8,161.75 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.646 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,872.95 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.243 บาท
ในขณะที่กำไรสุทธิหลังหักภาษีจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำสร้างสถิติสูงสุด ที่ 4,800 ล้านบาท เติบโต 47% จากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น รายได้รวมจำนวน 4.22 หมื่นล้านบาท โดยมีรายได้จากธุรกิจระบบขนส่งมวลชนเป็นรายได้หลัก ในส่วนธุรกิจสื่อโฆษณา มีผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งแสดงกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ ที่ 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน
สำหรับธุรกิจระบบขนส่งมวลชน โครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาของเรายังคงมีพัฒนาการรุดหน้าต่อเนื่องเป็นอย่างมาก โดยในปี 2562/63 มีรายได้ค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองและรายได้จากการให้บริการติดตั้งงานระบบและจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่ภายใต้สัญญาสัมปทานสำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้และเหนือ จำนวน 2.52 หมื่นล้านบาท ด้านรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ประจำปี 2562/63 เพิ่มขึ้น 65% YoY เป็น 3,800 ล้านบาท บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3,400 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการเปิดให้บริการโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ทั้งสายตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 รวมถึงการทยอยเปิดให้บริการ 5 สถานีแรกของโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือในปี 2562
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าการเปิดทดลองให้บริการโครงการดังกล่าวอีก 4 สถานี ถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ในเดือนมิ.ย.2563 และคาดว่าจะเปิดให้บริการสถานีที่เหลือภายในสิ้นปี 2563 ทั้งนี้ เราคาดว่าการเปิดให้บริการสถานีใหม่ๆ จะเป็นปัจจัยหนุนหลักของการเติบโตของรายได้ O&M ในอนาคต
สำหรับโครงการคมนาคมขนส่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองนั้น คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าเป็นอย่างมากในปี 2563/64 ภายหลังการลงนามในสัญญาที่คาดว่าโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาจะสามารถลงนามได้ในเดือนมิ.ย.2563 และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในเดือนก.ค.2563
ในฝั่งธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัท วีจีไอ (VGI) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแบบ Offline-to-Online (O2O) โซลูชั่นส์ สามารถสร้างสถิติรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ โดยมีรายได้ 4,000 ล้านบาท เติบโต 11% YoY และกำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,100 ล้านบาทในปีก่อน โดยมีหน่วยธุรกิจใหม่ของ VGI อย่าง VGI Digital Lab ที่จะใช้ฐานข้อมูลในการให้บริการแบบดิจิทัล สร้างผลการดำเนินงานแข็งแกร่งทะลุเป้ารายได้ปีแรกที่วางไว้ 150 ล้านบาท
นอกจากนี้ VGI ยังได้ยกเลิกการควบรวมงบการเงินบริษัท มาสเตอร์ แอด (MACO) เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2562/63 เป็นต้นไป อันเป็นผลมาจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ VGI ใน MACO จากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ให้แก่บริษัท แพลน บี มีเดีย (PlanB) ทั้งนี้ การยกเลิกการควบรวมงบการเงินดังกล่าวทำให้อัตรากำไรสุทธิของ VGI ดียิ่งขึ้น โดย VGI มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 35.6% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสต่อๆ ไป
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส กรุ๊ป กล่าว จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนต่างๆ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เริ่มระบาดตั้งแต่เดือนธ.ค.2562 สะท้อนให้เห็นถึงพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ รูปแบบธุรกิจและโครงสร้างรายได้ที่หลากหลาย รวมถึงความสามารถของบริษัทฯ ในการก้ามข้ามผ่านความท้าทายต่างๆ ในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
“คาดว่าปี 2563/64 จะเป็นอีกปีแห่งความท้าทายเมื่อโลกของเราเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สภาวะปกติแบบใหม่ (new normal) อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าปีงบประมาณใหม่ จะเป็นปีที่น่าตื่นใจสำหรับเรา ด้วยโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา หรือโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง อีกทั้ง เรายังเปิดกว้างในการหาพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อสร้าง Synergy และเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจของเรา”นายกวิน กล่าว
นอกจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งแล้วนั้น บีทีเอส กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคมผ่านแนวคิดในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับวิสัยทัศน์ ‘City Solutions’ ของบริษัทฯ ที่มุ่งหวังจะยกระดับการใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ สนับสนุนกรอบแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG)
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการยอมรับจากหลากหลายสถาบันด้านความยั่งยืนชั้นนำทั่วโลก ดังเห็นได้จากการได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกของดัชนีดาวน์โจนส์เพื่อความยั่งยืน ประจำปี 2562 และได้รับคัดเลือกเข้าอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนปี 2562 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้ง บีทีเอส กรุ๊ป ยังได้รับรางวัล the Best Green Bond ในหมวดคมนาคมขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานจากการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในงาน The Asset Triple A Sustainable Capital Markets Regional Awards 2019 และยังได้รับรางวัลความยั่งยืนระดับ Silver Class ที่จัดอันดับโดย RobecoSAM ซึ่งแสดงอยู่ใน The Sustainability Yearbook 2020
ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เพื่อพิจารณาและอนุมัติแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 4,400 ล้านบาท หรือเท่ากับประมาณ 8.36% ของทุนชำระแล้ว โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท เพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
ทั้งนี้ บริษัทจะลดทุน 4,574,781,048.00 บาท จากเดิม 62,618,389,192.00 บาท เป็น 58,043,608,144 บาท โดยการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังไม่ได้ออกจำหน่าย 1,143,695,262 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท ก่อนเพิ่มทุนใหม่ให้เป็น 62,533,050,788 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1,122,360,661 หุ้น รองรับการปรับสิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ BTS-W5 จำนวนไม่เกิน 22,360,661 หุ้น และ การเสนอขายหุ้น PP จำนวนไม่เกิน 1,100 ล้านหุ้น
พร้อมกันนั้น จะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ พิจารณาและอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ โดยมีวงเงินรวมกันทั้งสิ้น ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ไม่เกิน 60,000 ล้านบาท (หรือสกุลเงินอื่นในจำนวนเทียบเท่า) ซึ่งมีผลเท่ากับเป็นการเพิ่มวงเงินการออกหุ้นกู้อีกจำนวน 30,000 ล้านบาท จากวงเงินเดิม ซึ่งที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 ของบริษัทฯ ได้อนุมัติไว้จำนวน 30,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการสนับสนุนการลงทุน
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลดำเนินงานวันที่ 1 เม.ย. 2562 -31 มี.ค. 2563 และกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 30 ก.ค. 2563 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 29 ก.ค. 2563 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 14 ส.ค. 2563
แหล่งข่าวจากบีทีเอสฯ กล่าวว่า คณะกรรมการขอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เตรียมไว้ หากมีโอกาสทางธุรกิจเข้ามาจะได้ระดมทุนได้มีความคล่องตัว โดยบริษัทขอมติจากที่ประชุมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นทุกปี มาเป็นปีที่ 3 แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่เคยได้ใช้ แม้มีธุรกิจใหม่เข้ามาให้ลงทุนก็ตาม
อ่านข่าว
BTSGIF ขาดทุนบัญชี 5.9 พันลบ.พิษโควิด Q4/62 งดปันผล จ่ายคืนเงินทุน 0.130 บาท